เมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 นายโสภณ กมล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ขณะนี้ นักเรียน ผู้ปกครอง ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องกรรมการสถานศึกษาที่หมดวาระไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่อยากจะเป็นต่อ เพราะมีบทบาทในการรับนักเรียนมาก ดังนั้นจึงมีกระบวนการทุจริตในการรับนักเรียน ซึ่งใครอยากได้ที่นั่งเรียนจะต้องจ่ายเงินถึง 7 หลัก นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยังตรวจเจอเงินหมุนเวียนในสมาคมผู้ปกครองและครูเตรียมอุดมศึกษา(สปค.ตอ.)หลักร้อยล้านบาท ไม่ได้นำเงินเข้าบัญชีโรงเรียนด้วย
นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า การฝากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจะมี 2 รอบ คือ รอบวัดใจ ซึ่งต้องมีการบริจาคเงินก่อน ซึ่งราคาก็จะประมาณครึ่งล้าน ถ้าสอบได้ก็ยึดเงิน แต่ถ้าไม่ได้ก็ช่วย แต่ถ้ามีการประกาศผลสอบแล้วใครวิ่งฝากราคาก็จะประมาณ 7 หลัก เหมือนเป็นการประมูลตัดโอกาสเด็กที่มีฐานะยากจนเข้ามาเรียน และโรงเรียนนี้มีเด็กสอบได้สละสิทธิหลักร้อยคน เพราะเด็กบางคนได้โควตาแล้วแต่มาทดลองสอบก็มี
“ผมเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเมื่อเดือนพ.ย.2561 รับนักเรียนเมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา ผมอยู่ในห้องเห็นรถหรูจำนวนมากวิ่งผ่านไปทางห้องสมาคมฯผมเลยถามคนงานว่าเขามาทำอะไร คนงานตอบว่ามาฝากเด็กเข้าเรียน ผมยืน งง เลย เลยถามว่าทำไมไม่มาหาผอ. คนงานตอบผมว่ามาหาทำไม ผมถึงรู้ว่าที่นี่เขามีอะไรแปลก ๆ “นายโสภณ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบบัญชีของสมาคมผู้ปกครองและครูเตรียมอุดมศึกษา 4 รอบบัญชี คือ 2558-2559-2560,2560-2561,2561-2562 พบว่า สมาคมฯไม่มีการทำหลักฐานการรับเงิน เอกสารประกอบการลงบัญชีไม่ครบถ้วน และขาดเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินหลายรายการ ไม่มีการจัดทำทะเบียนหรือบันทึกใด ๆ เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่ารายการใดอนุมัติโดยคณะกรรมการหรือผู้มีอำนาจ รายการจ่ายมีการลงบัญชีแต่ไม่พบเอกสาร การลงบัญชีไม่มีที่มาที่ไป รับเงินคืนจากรอง.ผอ.ท่านหนึ่ง แต่ไม่นำเงินเข้าบัญชีสมาคมฯเกือบ 10 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ตรวจสอบบัญชียังพบว่า นาย ก มีเงินเข้าออกจากการรับนักเรียนจำนวนมหาศาล มีการซื้อทรัพย์สิน ซื้อรถเบ๊น รถบีเอ็ม รถตู้ ว่ารถเหล่านี้มีใครครอบครองบ้าง ปรากฏว่ากรมการขนส่งเช็คแล้วอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการถึง 24 คัน
