เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมและให้นโยบายในการดำเนินงานของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอว.รศ.สรนิต  ศิลธรรม ปลัดกระทรวงอว.ผู้บริหาร อธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วม  โดยนายสมคิด กล่าวว่า ตนมาครั้งนี้เป็นการมาติดตามการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ของอว.ต้องการให้มหาวิทยาลัยเสนอโครงการที่จะเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะตอนนี้ปัญหาการว่างงานได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ อว.และมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วม จ้างงานใน 2 ส่วน คือ จ้างคนลงไปทำงาน มีการบริหารจัดการที่ดี และจ้างงานในชนบท มีการเทรนด์นิ่ง พัฒนาศักยภาพคนในชุมชนเพราะเราต้องการสร้างคนในท้องถิ่นให้เข้มแข็ง  อาทิ มหาวิทยาลัยด้านการเกษตร ฝึกคนในชนบทให้ทำการเกษตรสมัยใหม่ โดยให้ค่าตอบแทนส่วนหนึ่ง ขณะที่อีกกลุ่มใหญ่คือ นักศึกษาที่จบแล้วไม่มีงานทำ  อยากให้ทำโครงการลักษณะเดียวกันโครงการบัณฑิตอาสา อย่างสมัยก่อน แต่อาจเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่ เพื่อให้เด็กลงไปทำงานจริงก่อนจบ  แต่ต้องให้เด็กลงไปทำงานจริง ๆ ไม่ใช่เหมือนช่วงหนึ่งที่เด็กไปทำแต่เรื่องการเมือง ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งตนไม่ต้องการแบบนั้น แต่อยากให้ลงไปพัฒนา ทำงานวิจัยด้วยตัวเองเพื่อให้มีความรู้ จบมาแล้วให้ทำงานได้จริง

“รมว.อว.ต้องหารือกับมหาวิทยาลัย ให้เข้าใจ เชื่อว่าแนวทางนี้ จะจ้างงานได้หลายแสนคน เพราะรู้อยู่แล้วว่าในอนาคตจะมีคนตกงานจำนวนมาก ที่สำคัญรายได้ต้องตกอยู่กับนักศึกษา หรือคนทำงาน  ไม่ใช่ตกอยู่กับมหาวิทยาลัยหรืออาจารย์ ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีคณะด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ต้องสร้างนวัตกรรมพัฒนาชนบท เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ขอให้มีองค์ความรู้ ส่วนเรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เพราะวงเงินกู้มีค่อนข้างมาก แต่กังวลว่าโครงการที่เสนอมาจะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของประเทศ”รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า โครงการพัฒนาศักยภาพคนทำงาน หรือโครงการรีสกิล มีความจำเป็นมากในยุค 4.0 ขอให้รีบพัฒนา มหาวิทยาลัยต้องดึงเด็กดี เด่น อาจารย์ที่เก่งกลับมาสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างธุรกิจ หากทำได้ ก็ไม่ต้องรอพึ่งงบประมาณ ที่สำคัญต้องมีข้อผ่อนคลายทางระเบียบราชการ เพื่อไม่ให้ติดขัด  อย่างไรก็ตามครั้งนี้ถือเป็นความท้าทาย การเรียนระบบออนไลน์ ต้องถูกนำมาใช้ เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องทำให้แรงเพราะอันดับโลกของมหาวิทยาลัยไทยลดลง เน้นคุณภาพอาจารย์ สร้างผลงาน ตนเข้าใจว่า งบประมาณสำคัญ ยืนยันว่า รัฐบาลมีให้อยู่แล้วแต่มหาวิทยาลัยก็ต้องสร้างด้วยตัวเองด้วย ให้มีเงินหมุนเวียน ผลิตนวัตกรรมออกมาขายให้ได้

ดร.สมคิด กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ทุกแห่งโฟกัสที่การพัฒนาภายในประเทศ ที่ผ่านมา เราผลิตและส่งออก แต่ในประเทศไม่ได้พัฒนา เงินกู้พ.ร.ก.4 แสนล้านไม่ใช่เงินน้อย  ๆ รัฐบาลหามาให้ เพื่อนำงบฯลงไปพัฒนาท้องถิ่น หากมหาวิทยาลัยเสนอโครงการไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มหาวิทยาลัยจะต้องเรียกประชุมแต่ละคณะว่าจะทำอะไร เพราะหลังวิกฤตโควิด 19  เศรษฐกิจก็ยังไม่น่าจะดีขึ้น แต่เชื่อว่า จะดีขึ้นได้ในไม่ช้า  มหาวิทยาลัยต้องเร่งพัฒนา อย่าไปคิดว่า เป็นแค่มหาวิทยาลัยเฉพาะในประเทศไทย แต่ให้คิดว่า เป็นศูนย์กลางที่นักศึกษาจากประเทศต่างๆ จะเลือกเข้ามาเรียน  ทำงานเชื่อมโยงกับต่างประเทศ  ให้เกิดการไหลเวียนขององค์ความรู้ เพราะฉะนั้น อธิการบดีต้องสร้างคุณค่าให้นวัตกรรม สร้างรายได้ ครั้งนี้ถือว่ามาตามงาน และขอให้ทุกมหาวิทยาลัยเสนอโครงการที่ดี ๆ เข้ามา

นายสุวิทย์ กล่าวว่า อว. มีโครงการพัฒนากำลังคนที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการยุวชนสร้างชาติ โครงการอว.สร้างงาน โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ หรือโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ทุกโครงการมีวัตถุประสงค์ในการสร้างงาน พัฒนาทักษะของคน เพื่อตอบสนองความต้อวการของประเทศ ทั้งนี้โครงการอว.สร้างงาน เป็นการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 จ้างงานกว่า 10,000 คน ใน42 หน่วยงานของอว. เป็นเวลา 4 เดือน เดือนละ9,000 บาท ระยะที่2 ขยายเป็น 32,000 คนใน 72 หน่วยงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการของบประมาณ

 

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments