เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ศ.ชัยยุทธ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์ กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยผลการประชุม กอปศ. ที่มี ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธาน ว่า กอปศ.ได้พิจารณาหมวด 6 ระบบทรัพยากรเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าประเทศไทยใช้งบฯการศึกษาเกือบ 9 แสนล้านบาท คิดเป็น 6.1%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือ จีดีพี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 2.9% โดยหน่วยงานที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานมากที่สุด 70% คือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งในปี 2561 สพฐ.ใช้งบฯ 3 แสนล้านบาทเศษ โดยจำนวนนี้เป็นงบฯบุคลากรกว่า 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3 ใน 4 ของงบฯที่ได้รับทั้งหมด และในจำนวนนี้ เป็นงบฯวิทยฐานะและค่าตอบแทนอื่นๆของครู ปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สพฐ.มีข้าราชการในสังกัดเกือบ 5 แสนคนคิดเป็น 1 ใน 4 ของข้าราชการทั้งประเทศ ขณะที่จำนวนนักเรียนเข้าเรียนลดลง สวนทางกับค่าตอบแทนครูที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2550 มีสัดส่วนครู 1 คนต่อนักเรียน 20 คน แต่ปัจจุบันครู 1 คนต่อนักเรียน 16 คน ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับตั้งแต่ปี 2561-2565 จะมีครูเกษียณอายุราชการปีละ 2 หมื่นคน รวม 1 แสนคน ดังนั้น จะต้องมาปฏิรูประบบทรัพยากรเพื่อการศึกษาและเรียนรู้ใหม่ โดยการจัดสรรงบฯผ่านผู้เรียน รวมถึงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนต้องมีแผนอัตรากำลังที่ชัดเจนและเร่งด่วน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ไปศึกษาอัตราเงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ เนื่องจากอัตราที่ใช้อยู่ปัจจุบันคำนวณมาตั้งแต่ปี 2545 หรือใช้มา 12 ปีแล้ว และควรมีการปรับอัตราเงินอุดหนุนให้แก่สถานศึกษาเอกชน ซึ่งปัจจุบันรัฐอุดหนุนอยู่ที่ 70%
ศ.นพ.จรัส กล่าวว่า กอปศ.เห็นว่าถ้ามีการปรับโครงสร้างการใช้ทรัพยากรโดยให้ตรงไปที่โรงเรียน และโรงเรียนสามารถบริหารทรัพยากรได้เอง จะเพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลงได้ ส่วน สพฐ.เขตพื้นที่ฯจะมีหน้าที่เพียงการสนับสนุนดูแลไม่ใช่ปฏิบัติโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ เงินที่ใช้ด้านบุคลากรซึ่งดูเหมือนจะยังไม่มีประสิทธิภาพ เช่น เงินวิทยฐานะ ซึ่งสพฐ.ใช้ปีละประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยใช้ไปมากสำหรับผู้ที่มีวิทยฐานะชำนาญการ 77,135 คนและชำนาญการพิเศษ 197,880 คน แต่ระบบวิทยฐานะยังไม่เอื้อไปสู่คุณภาพ เพราะไปอิงผลงานในอดีต อิงการเข้าร่วมการอบรมพัฒนา ดังนั้น จะต้องมีการปรับระบบวิทยฐานะให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น และให้มีการประเมินเพื่อคงวิทยฐานะ ทั้งนี้ อาจไม่สามารถทำได้กับผู้ที่มีวิทยฐานะอยู่แล้ว แต่จะเริ่มใช้สำหรับผู้ที่จะเข้าสู่วิทยฐานะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ กอปศ.จะมีพิจารณาว่าส่วนใดจะต้องบรรจุไว้ในพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ส่วนใดจะอยู่ในแผนการปฏิรูปที่จะออกมาคู่กับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณที่จะเสนอในประเด็นการปฏิรูปประเทศ 1.งบลงทุนก่อสร้างครุภัณฑ์ให้ดูสภาพตามความจำเป็นของแต่ละที่ 2.งบดำเนินงาน ปัจจุบันอยู่ที่สพฐ. 6.4 พันล้านบาท เขตพื้นที่ฯ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งความจริงเขตพื้นที่ฯควรจะได้มากและควรมากสุดที่สถานศึกษา ปัจจุบันสถานศึกษา 30,324 โรง มีงบฯดำเนินการประมาณ 15 หมื่นล้านบาท และการให้โรงเรียนใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัวอาจต้องปรับเป็นเงินอุดหนุนหรือเงินรายจ่ายอื่น และการจัดสรรงบฯจะไม่มีการเฉลี่ยเท่ากันหมด แต่จะดูตามความแตกต่างเรื่องบุคคล เช่น ฐานะ ความพิการ สถานศึกษา เช่น สถานที่ตั้ง ขนาดโรงเรียน และความแตกต่างระหว่างรัฐและเอกชน