เมื่อวันที่ 2 มี.ค.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ บรรยายพิเศษระหว่างเป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ครบรอบ 75 ปี เรื่อง “การยกระดับมาตรฐานการผลิต การคัดกรอง การใช้และการพัฒนาครู”ตอนหนึ่งว่า จากนี้ไปเป็นช่วงเวลาสำคัญในการทำให้ขั้นตอนการผลิตครู การวางรากฐานมาตรฐานวิชาชีพครู และทำให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง เพราะครูเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทยให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น และจากที่ตนได้เข้ารับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เป็นเวลา 8 เดือนแล้ว ได้เห็นความสำคัญของมาตรฐานวิชาชีพครู โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานที่เกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพครู การเข้าสู่การรับรองปริญญา การรับประกาศนียบัตรทางการศึกษา จึงต้องการให้การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้กับครูที่มีความรู้ความสามารถตรงกับสิ่งที่ได้เรียนมาและตรงกับจุดประสงค์ของกระทรวงศึกษาธิการ ขณะเดียวกันครูก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนตามมาตรฐานวิชาชีพ ตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะครูคือตัวอย่างของเด็กและเยาวชนไทยในอนาคต
“การปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพครู จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา เพราะหากเป็นครูแต่ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีมาตรฐานวิชาชีพที่เหมาะสมของการเป็นครู ก็ไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชนได้ต้องพักราชการ ต้องไม่ให้กลับมาในระบบการศึกษาไทยอีก ตนไม่ผ่อนปรนเรื่องนี้แน่นอน ทุกคนต้องรักษามาตรฐานไว้ เพราะฉะนั้นต้องฝากทุกคนในคุรุสภาช่วยกันผลักดันให้การเชื่อมต่อนี้ร่วมกับสถาบันผลิตครูให้เกิดขึ้นได้ เราจะได้มีโอกาสทำให้ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนให้ครบถ้วนทั้งด้านวิชาการและด้านจริยธรรมศีลธรรม”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม อะไรที่ทำให้เด็กและเยาวชนของเราได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทางคุรุสภา หน่วยงานมาตรฐานวิชาชีพ ต้องจัดการอย่างรวดเร็ว และต้องไม่ทำให้เรื่องเหล่านั้นกลับมาอยู่ในกระบวนการการศึกษาไทยอีก เช่น ยาเสพติด ทุจริตคอรัปชั้น การล่วงละเมิดทางเพศของครู เรื่องเหล่านี้จะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ เป็นเรื่องผิดวินัยร้ายแรง ไม่สามารถกลับมาในระบบการศึกษาไทยได้อีก ต้องปรับกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่เป็นที่พอใจและเหมาะสมกับสิ่งที่ควรจะเป็น ต้องเผยแพร่ให้ทุกคนรู้ถึงมาตรฐานของคุรุสภาและมาตรฐานวิชาชีพครู จะได้ไม่มีใครมาฝ่าฝืน ถ้าฝ่าฝืนเราก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้เรื่องเหล่านี้หายไปจากกระบวนการศึกษาของประเทศไทย
นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปอีกว่า ตนขอฝากคณบดีในสถาบันการผลิตครูในช่วงต่อนี้ไป ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการที่ประเทศจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติในหลายๆ เรื่อง เมื่อมีปัญหาต่างๆเข้ามา ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ แต่ขณะที่มีวิกฤติก็มีโอกาสที่เราจะมาร่วมกันพัฒนาครูในระบบและครูที่กำลังจะเข้ามาในระบบ เผยแพร่ทฤษฎีและวิธีการสอนแบบใหม่ๆ ให้ออกไปในวงกว้าง โดยเริ่มที่เด็กระดับประถมศึกษา และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ต้องเป็นหลักในการขับเคลื่อนร่วมกับสถาบันผลิตครูต่างๆ เพราะหากครูของเราไม่เก่ง เด็กของเราก็ไม่มีวันเก่ง ส่วนการเตรียมรับมือกับวิกฤตินั้น ขณะนี้ตนได้มีการหารือกับสำนักงบประมาณถึงการใช้งบฯปี 63-64 โดยปรับเปลี่ยนงบฯเพื่อการพัฒนาครูในระบบและครูที่กำลังเข้ามาในระบบ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อให้ทุกคนในระบบสามารถหายใจได้คล่อง มีขวัญและกำลังใจมากขึ้นในการต่อสู้กับวิกฤติ หรือความเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ เมื่อถึงวันที่เศรษฐกิจกลับมาเข้มแข็ง ประเทศไทยก็จะมีคนพร้อมรองรับการลงทุนของประเทศต่างๆ ได้