เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63 ที่ห้องเทพหัสดิน  อาคารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)โดย ดร.ดิศกุล  เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย( กศน.) ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการคณะกรรมการสำนักงาน สกสค. นายองค์กร  อมรสิรินันท์ ประธานมูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้าย และ นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสะอาด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)การให้ทุนการศึกษาแก่บุตรหลานในความอุปการะของครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างสำนักงานสกสค.และมูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้าย

ทั้งนี้ ดร.ดิศกุล กล่าวว่า  การสนับสนุนให้ทุนการศึกษาเป็นบทบาทหนึ่งที่สำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับ พันธกิจหลักของสำนักงาน สกสค. ในการมีส่วนร่วมพัฒนาด้านการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้าย  เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อน และเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562 มูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้าย ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันในการสนับสนุนทุนการศึกษาในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ให้แก่บุตรของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้ายในวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ต่อมาได้มีการประชุมหารือร่วมกัน และที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องว่าควรให้มีขยายผลการสนับสนุนช่วยเหลือทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะบุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้ายเท่านั้น  จึงเป็นที่มาของการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้  เพื่อให้การสนับสนุนทุนการศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ให้แก่บุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

นายองค์กร กล่าวว่า   ในอดีต มูลนิธิฯ มีเพียงงบประมาณที่ให้ความช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษา เฉพาะผู้ที่ประสบภัย จากนั้นเรามองว่าครูที่ประสบภัย เสียชีวิตหรือพิการยังมีลูกหลานที่ต้องดูแล เมื่อบุคคลเหล่านั้นเสียชีวิตไปใครจะเป็นผู้ดูแล  จึงหารือกับนายณรงค์ศักดิ์  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)และที่ปรึกษา มูลนิธิฯให้ความร่วมมือในการสนับสนุนครั้งนี้

ขณะที่นายณรงค์ศักดิ์   กล่าวว่า  ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างทีมงานมูลนิธิช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการ ก่อเหตุร้ายกับทีมงานบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อกำหนดรายละเอียดในการทำงานร่วมกัน ผลการหารือครั้งนั้นทั้ง 2 ฝ่าย มีความเห็นสอดคล้องกันว่าควรขยายผลการสนับสนุนช่วยเหลือทุนการศึกษา        ให้ครอบคลุมถึงบุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้ายโดยให้การสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปวช. ปวส. และปริญญาตรี รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน สกสค.  และมูลนิธิฯ และให้โอกาสกลุ่มบุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ได้รับโอกาสทางการศึกษา การฝึกอบรมอาชีพการงาน ตลอดจนมีรายได้ สามารถดำรงชีวิตในสังคมเป็นพลเมืองที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัท ซีพีออลล์ สนับสนุนบุคลากร อาคารเรียน และสนับสนุนทุนการศึกษา ปีละ 200-300 ล้านบาท โดยให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาโครงการนี้ ในปีการศึกษา 2562 ประมาณ 34,000 คน ส่วนปีการศึกษา 2563 นี้จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น จำนวน 36,000 คน โดยจะใช้เงินประมาณ 2 ,000 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายเป็นค่าเทอม และค่าเบี้ยเลี้ยง ในการฝึกปฏิบัติ ประมาณรายละ 7,000-8,000-10,000 บาท/เดือน และมีแผนให้ทุนแก่บุตรหลานของครูและบุคลากรทางการศึกษาครอบคลุมทั่วทั้วประเทศ ที่ไม่ใช่บุตรหลานครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ประสบภัยจากการก่อเหตุร้ายด้วย โดย ซีพีออลล์จะจัดทำแผนการรับเพิ่มเติม ซึ่งตามแผนสามารถให้ทุนได้ปีละ 60,000 บาทต่อคน  ดังนั้น ผู้ที่ต้องการรับทุนสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งขณะนี้ ซีพีออลล์ มีวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ มีศูนย์การเรียนทั่วประเทศ อีก 20 แห่ง มีวิทยาลัยอาชีวะในความร่วมมือ150 แห่ง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 20 แห่ง และยังมีมหาวิทยาลัยปัญญาภิวัฒน์ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยราชมงคล รวมอีก 50 แห่ง ดังนั้น เราจึงมีผู้รับทุนการศึกษากระจายอยู่ในสถานศึกษาต่างๆทั่วประเทศ เพื่อรองรับธุรกิจของซีพีออลล์ที่ขยายตัวอยู่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น ประเทศกัมพูชาและลาว สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโครงการนี้ ในระดับ ปวช.,ปวส.จะได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ เงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป  ส่วนผู้ที่จบระดับปริญญาตรี จะได้รับตำแหน่งผู้จัดการในหน่วยงานต่างๆของซีพีออลล์ หากต้องการบริหารร้านเป็นของตัวเองก็ใช้เงินเพียง 1.5 แสนบาทเท่านั้น

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments