วันนี้(23 ม.ค.) ที่โรงแรมหรรษา เจบี จ.สงขลา นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมขับเคลื่อนจุดเน้นการเพิ่มปริมาณผู้เรียนสายอาชีพ ปีการศึกษา 2563 (สายอาชีวศึกษา 50 : 50 สายสามัญ) ภาตใต้ ว่า การเร่งรณรงค์แนะแนวให้เด็กเห็นความสำคัญในการเรียนสายอาชีพ ซึ่งไม่ใช่การแย่งเด็กกับสายสามัญฯ แต่เป็นการเดินตามโจทย์ของประเทศ เป็นการให้ทางเลือกกับเด็ก วันนี้ประเทศขาดช่างเทคนิค ขาดช่างฝีมือ ในหลายพื้นที่มีเด็กจบปริญญาตรีแต่ตกงาน เพราะเรียนตามความอยากและค่านิยม ไม่เรียนตามโจทย์ที่ประเทศต้องการ จึงต้องกลับมาเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)ใหม่ เพราะต้องการทักษะวิชาชีพ ดังนั้น อาชีวะต้องมาช่วยคนไทย และประเทศไทย โดยเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพ จากปัจจุบันมีสัดส่วน เรียน สายอาชีวะ ร้อยละ 30 ต่อ สายสามัญ 70 เป็น เรียนสายอาชีวะ 50 ต่อ สายสามัญฯ 50 ให้ได้ วันนี้เราต้องพลิกความเชื่อ พลิกเป้าหมาย
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า การจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาต้องไม่เหมือนเดิม ต้องมีการเปิดสาขาใหม่ สาขาขาดแคลน ดึงผู้เรียนกลับเข้าสู่ระบบโดยให้มีการเรียนแบบสะสมหน่วยกิตหรือให้มีการเทียบโอน ซึ่งสาขาที่ขาดแคลนมากที่สุด คือ ช่างเชื่อม และอาชีพที่ทิ้งไม่ได้ คือ เกษตร และประมง ทั้งนี้ ทุกวิทยาลัยสามารถเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) เฉพาะสาขาได้ ขอให้กลับไปดูวิทยาลัยของตัวเองว่ามีสาขาวิชาอะไรโดดเด่นแล้วเสนอมาที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ. ) เพื่อวางแผนเดินหน้าเปิดเป็น Excellent Center ในสาขานั้นๆในปีต่อๆไป
“ การทำให้ประเทศเข้มแข็งได้นั้นต้องมาเติมเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งให้อาชีวะดังนั้น สอศ.จะมีการพัฒนาครูแบบวิชาชีพเฉพาะ และถ้าจำเป็นต้องรับครูตำแหน่งใหม่ก็เปิดรับใหม่ รวมถึงมีศูนย์พัฒนาครูทุกสาขาวิชาชีพ ทั้งนี้ในการรับนักเรียน นักศึกษา ปีการศึกษา 2563 นี้ขอฝากให้ทุกวิทยาลัยทำงานเชิงรุกเปิดประตูไปหาเด็ก มีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆในพื้นที่ รวมถึงการหางานให้เด็กทุกคนมีงานทำ มีรายได้และการของบฯต้องขอเพื่อตอบโจทย์ประเทศ ไม่ใช่ขอตามความขาดหรือความอยาก และการรับนักเรียน ต้องทำงานภายใต้การบูรณาการร่วมกันไม่ใช่แย่งเด็กแต่ให้ทางเลือกแก่เด็ก ”นายณรงค์ กล่าว