กรมศาสนา อบรมฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย ดึงเยาวชนสืบสานประเพณีโบราณ อนุรักษ์ภาษา และภูมิปัญญาไทย
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีเปิดการอบรมโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย โดยนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า การสวดโอ้เอ้วิหารราย นับเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่สรรค์สร้างขึ้นตั้งแต่ในครั้งอดีต ด้วยการนำกาพย์กลอนมาช่วยในการเรียนอ่านเขียนของเด็กขั้นปฐมวัย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานการศึกษาร่ำเรียนในขั้นสูง ช่วยให้เด็กและเยาวชนเข้าใจหลักภาษาไทยมากขึ้น มีการสอดแทรกคติธรรมในเนื้อเรื่องที่นำมาสวด และยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสืบทอดการสวดโอ้เอ้วิหารราย อันเป็นการสร้างค่านิยม จิตสำนึก ภูมิปัญญาของไทยให้แก่เยาวชนได้เรียนรู้และยึดถือปฏิบัติ ซึ่งกรมการศาสนา ได้เริ่มโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา และในปี 2558 กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้การสวดโอ้เอ้วิหารราย ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการสวดโอ้เอ้วิหารราย และร่วมกันสืบทอดธรรมเนียมการสวดโอ้เอ้วิหารรายมิให้
สูญหายไปจากสังคมไทย
“ปีนี้ กรมการศาสนาดำเนินโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย โดยมี 3 กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ 1.การฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย ระหว่างวันที่ 15 – 17 ม.ค. 63 2.การประกวดสวดโอ้เอ้วิหารราย และ 3.กิจกรรมสวดโอ้เอ้วิหารราย เพื่อนำนักสวดจากสถานศึกษาต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัล เข้าไปร่วมสวดโอ้เอ้วิหารราย ณ ศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในเทศกาลเข้าพรรษา โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ๆ ละ 3 วัน ๆ ละ 12 โรงเรียน คือ เข้าพรรษา กลางพรรษา และออกพรรษา”อธิบดีกรมการศาสนากล่าวและว่า สำหรับปีนี้ มีคณะครูและนักเรียนจากสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฝึกหัดสวดโอ้เอ้วิหารราย จำนวน 68 แห่ง รวมนักเรียนที่เข้าร่วม 129 คน
ทั้งนี้ การสวดโอ้เอ้วิหารรายมีขึ้นในสมัยอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงโปรดเกล้าฯ ให้แต่งพระมหาชาติคำหลวงขึ้น 13 กัณฑ์ เพื่อใช้สวดในเทศกาลเข้าพรรษา ณ วิหารใหญ่ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ในการสวดครั้งนั้นจะคัดเลือกเฉพาะนักสวดที่เป็นราชบัณฑิต คือ ผู้ที่มีความสามารถในการสวด สามารถออกเสียง แบ่งวรรคตอนถูกต้อง รู้ความหมายของคำ และมีน้ำเสียงไพเราะ รวมทั้งมีกลเม็ด
หรือลูกไม้ในการอ่าน นักสวดที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะได้รับคัดเลือกเข้าไปสวดในวิหารใหญ่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าอยู่หัวจำนวน 3 ชุด ชุดละ 4 คน เพื่อสับเปลี่ยนกัน ส่วนผู้ที่ไม่มีความสันทัดในการสวดก็จะได้แต่สวดอยู่ตามศาลาที่รายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีสรรเพชญ์ ผู้คนในสมัยนั้นจึงเรียกนักสวดที่ยังต้องฝึกสวดอยู่ว่าโอ้เอ้ศาลารายหรือโอ้เอ้วิหารราย
การสวดโอ้เอ้วิหารรายทำให้เยาวชนไทยได้ตระหนักและรับรู้ถึงคติธรรมที่ได้จากเนื้อเรื่องที่นำมาสวด ซึ่งในสมัยโบราณจะใช้การสวดโอ้เอ้วิหารรายเพื่อช่วยในการอ่านออกเสียงและผันวรรณยุกต์ของเด็ก อีกทั้งยังมีการสอดแทรกคติธรรมต่างๆไว้ในเนื้อเรื่องอีกมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่นำกาพย์กลอนมาช่วยสอนเรื่องการใช้หลักภาษาไทยให้เด็กและเยาวชน และยังเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงออกถึงการเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดการสวดโอ้เอ้วิหารรายที่ถูกต้องตามโบราณราชประเพณีให้คงอยู่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย.