เมื่อวันที่6ม.ค.นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้เชิญองค์การค้าของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) มาหารือเรื่องการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนของ สสวท. ที่จัดพิมพ์โดยโรงพิมพ์ขององค์การค้าฯ และ สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยองค์การค้าฯได้เสนอขอจัดพิมพ์แบบเรียนเองทั้งหมด เพื่อความอยู่รอดขององค์กร ซึ่งจากการหารือเบื้องต้น สำนักพิมพ์จุฬาฯ เข้าใจสถานการณ์ขององค์การค้าฯ และยินดีที่จะให้องค์การค้าฯจัดพิมพ์ทั้งหมด และสำนักพิมพ์จุฬาฯจะรับหน้าที่จัดส่งหนังสือในสัดส่วนที่เคยเป็นโควต้าของสำนักพิมพ์จุฬาฯ เพื่อช่วยพยุงสถานภาพขององค์การค้าฯ เพราะขณะนี้องค์การค้าฯ มีภาระต้องใช้เงินจ่ายเงินเดือนละพนักงานเดือนละประมาณ 37 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น หนี้สินผูกพันต่างๆ เป็นต้น หากได้ยอดในการพิมพ์เพิ่ม องค์การค้าฯจะมีรายได้ที่สามารถอยู่รอดได้อีกระยะหนึ่ง
ปลัดศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีลูกจ้างชั่วคราวขององค์การค้าฯ ฟ้องศาลแรงงานกรณีถูกเลิกจ้างนั้น ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าศาลสั่งอย่างไรองค์การค้าฯก็ยินดีดำเนินการตามที่ศาลสั่ง
ด้านนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า จากนี้องค์การค้าฯ จะต้องเตรียมความพร้อมในการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ซึ่งได้คืนมาทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาสามารถจัดพิมพ์และส่งหนังสือเรียนได้ทันภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2563 หรือในเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน โดยระหว่างนี้จะเจรจากระบวนการจัดส่งซึ่งทางโรงพิมพ์จุฬาฯ ขอมีส่วนในการจัดส่งและจัดจำหน่าย ทางองค์การค้าฯ จะพิจารณาส่วนลดให้เป็นพิเศษ
“หากองค์การค้าฯได้จัดพิมพ์แบบเรียนเองทั้งหมด ผมมั่นใจว่าองค์การค้าฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการพิมพ์หนังสือแบบเรียนของสสวท. กว่า 700 ล้านบาท จะทำให้สถานะทางการเงินเกิดสภาพคล่อง มากขึ้น ขณะเดียวกัน องค์การค้าฯ เองก็จะไม่หยุดนิ่ง พยายามหารายได้เพิ่มจากช่องทางอื่น ทั้งการขายของออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ เพื่อพยุงให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเชื่อว่าอนาคตองค์การค้าฯจะมีอนาคตที่ดีขึ้นแน่นอน”นายดิศกุล กล่าว