เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ดร.อัมพร พินะสา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.)มีนโยบายให้สำนักงานก.ค.ศ. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่ โดยให้โจทย์มาว่าครูครูที่ได้วิทยฐานะ ต้องเป็นครูที่มุ่งปฏิบัติหน้าที่ แล้วเกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียนอย่างแท้จริง ไม่เน้นการกรอกเอกสารให้ยุ่งยาก ให้ประเมินจากการทำงานจริง เป็นขวัญกำลังใจให้กับครู โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีศ.กิติคุณชนิตา รักษ์พลเมือง เป็นประธาน ได้มีการประชุม และมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะทำงานศึกษาวิจัยรูปแบบการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะที่ตอบโจทย์คุณภาพผู้เรียน และชุดที่ 2คณะทำงานศึกษารูปแบบการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมปัญหาการของกลุ่ม ว13 การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญซึ่งเป็นปัญหาเรียกร้องให้มีการทบทวนด้วย
“คณะทำงานทั้ง 2 ชุด จะไปทำงานศึกษาข้อมูลตามที่ได้รับมอบหมาย ให้แล้วเสร็จภายในต้นปีการศึกษา 2563 หรือภายในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ ผู้ที่มีสิทธิยังสามารถยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะได้ตามหลักเกณฑ์เดิม จนกว่าจะมีการประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่อย่างเป็นทางการ ส่วน หลักเกณฑ์การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะของครู ที่กำหนดให้ใช้ ชั่วโมงการอบรมพัฒนาครู มาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณานั้นแม้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะมีการชะลอ โครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร หรือ คูปองครู ออกไป แต่ก็ไม่กระทบ เพราะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา( สพท.) และหน่วยงานอื่น ๆ ก็ยังมีการจัดอบรม พัฒนาครูอยู่ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาได้ เช่น โครงการอบรม PLC เป็นต้น”เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว