เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ดร.อัมพร พินะสา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะทำงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษา วุฒิสภา ได้เชิญตนในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาปัญหาและผลกระทบจากคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 16/2560 เรื่อง การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้มีการยกเลิกคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษา ยุบคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาแล้วมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) และ ศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)ขึ้นมา
รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า จากการศึกษาของคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้าง ของ สพฐ. พบว่า หลังจากยุบคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ มาเป็น บอร์ด กศจ. แล้วปรากฎว่า กศจ. ได้ทำหน้าที่แทน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งเป็นงานด้านบุคคลเป็นหลัก แต่งานที่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบาย มาตรฐานและคุณภาพการศึกษากลับทำได้น้อย และผลจากการเน้นไปที่งานด้านบุคคลทำให้เกิดความซ้ำซ้อนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) นอกจากนี้เรื่องงบฯก็มีปัญหา เช่น การสอบบรรจุ เมื่องานบุคคลไปอยู่กับ กศจ. เวลาสอบคัดเลือกใช้งบฯสพฐ. แต่หน่วยปฏิบัติ คือ สำนักงานปลัดกระทรวง จึงต้องมีการโอนเงินกันไปมา ทำให้งานล่าช้า เรื่องการดำเนินการทางวินัย และการออกคำสั่งบรรจุแต่งตั้ง ก็ไปติดกรณีผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ของพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ที่ให้ ศธจ.เป็นผู้ลงนามกรณีวินัยร้ายแรง แต่ถ้าไม่ร้ายแรงก็ให้เป็น ผอ.สพท.ลงนาม จึงเกิดปัญหาในทางปฏิบัติที่ไม่เบ็ดเสร็จ เป็นต้น
“ผลกระทบและปัญหาที่เกิดขึ้น คณะทำงานปรับปรุงโครงสร้าง สพฐ.จึงมีข้อเสนอว่า ในส่วนภูมิภาคควรให้มี อ.ก.ค.ศ.ด้านบุคคล แยกจาก กศจ. มาเป็น อ.ก.ค.ศ.ด้านบุคคลของจังหวัด โดยให้ สพท.เป็นผู้ดูแล และมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ซึ่งคณะทำงานกมธ.การศึกษา ได้รับเป็นข้อมูลแล้ว ทั้งนี้ สพฐ.จะนำเสนอแนวทางนี้ต่อคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้าง ศธ.ที่มีนายวราวิช กำภู ณ อยุธยา เป็นประธาน ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ พิจารณาอีกครั้ง ”ดร.อัมพร กล่าว.
