นายอรรถพล ตรึกตรอง รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.)เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ได้เสนอขอแปรญัตติงบประมาณปี 2563 เป็นค่าอาหารกลางวันนักเรียนเอกชน 100% ตามคำขอของโรงเรียน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กโรงเรียนรัฐกับเอกชน ทั้งนี้เนื่องจากโดยหลักการเรื่องอาหารกลางวันควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่อยู่ในวัยเรียนฟรีทุกคน เพราะหากโรงเรียนเอกชนไม่ได้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเด็กเหล่านี้ก็ต้องเรียนในโรงเรียนของรัฐอยู่แล้ว ซึ่งถ้าอยู่โรงเรียนรัฐก็ต้องได้รับประทานอาหารกลางวัน 100% แต่พอมาอยู่เอกชนกลับไม่ได้ 100% อย่างไรก็ตามสำหรับภาคเรียนนี้ สช.ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยจัดสรรเงินให้แก่โรงเรียนการกุศล 100% ไปก่อน ส่วนโรงเรียนที่ไม่ใช่โรงเรียนการกุศลแต่ยื่นคำขอมาไม่เกิน 120 คนก็จัดให้ตามคำขอ ส่วนที่ขอเกิน 120 คนก็ได้จัดแบ่งกันให้ตามสัดส่วนซึ่งก็ได้ไม่มากไปแล้ว

“เรื่องอาหารกลางวันนักเรียน ณ วันนี้เท่าที่ฟังจากโรงเรียน เข้าใจว่ายังมีความเข้าใจไม่ตรงกันกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กรณีที่ สตง.ลงไปตรวจแล้วพบว่า มีรายชื่อเด็ก ทั้งที่เด็กเลื่อนชั้นไปแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริง คือ วันที่ขอโรงเรียนจะไม่ได้รับเงินทันที เพราะฉะนั้นโรงเรียนต้องแก้ปัญหาโดยจ่ายไปก่อน เมื่อได้รับจัดสรรมาก็คืนกลับให้โรงเรียน ซึ่งจะเป็นแบบนี้มาตลอด และในการขอเงินค่าอาหารกลางวัน 100% ตามคำขอของโรงเรียน ก็ไม่ใช่ว่า 100% ของเด็กทั้งโรงเรียน แต่เป็น 100% ของเด็กที่โรงเรียนคัดกรองมาแล้วว่าเข้าเกณฑ์ได้รับอาหารกลางวัน”นายอรรถพลกล่าวและว่า ขอยืนยันว่า ถ้าจะดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำอย่างน้อยสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กในวัยเรียนฟรี อย่างอาหารกลางวันควรได้ทุกคน เพราะโครงการอาหารเสริม(นม)เด็กได้ทุกคน วัสดุอุปกรณ์การเรียนก็ได้เหมือนกัน มีแต่อาหารกลางวันที่เด็กเอกชนได้ไม่ครบทุกคน ทั้งนี้กำลังเตรียมข้อมูลไปชี้แจงตามคำขอแปรญัตติแล้ว หากได้รับความเห็นชอบจะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความเหลื่อมล้ำได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ ดังนั้นจึงอยากให้ปรับมุมมองระหว่างโรงเรียนประถมของรัฐและเอกชนด้วย

นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์มีมติปรับเพิ่มเพดานค่ารักษาพยาบาลครูเอกชนจากปีละ 100,000 บาท เป็น 150,000 บาทต่อปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 นั้น ขณะนี้ทางกองทุนสงเคราะห์กำลังดูเรื่องเงินเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามมติดังกล่าว อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบ พบข้อมูลว่า ระบบการส่งเงินสงเคราะห์ของหลายโรงเรียนยังไม่เป็นปัจจุบัน บางโรงก็มีหนี้ค้างอยู่ ซึ่งทางกองทุนกำลังเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถปรับวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ได้ตามที่ประกาศไปแล้วโดยเร็วที่สุด

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments