“บอร์ด”สภาการศึกษาลงพื้นที่จังหวัดนครพนม

สภาการศึกษาเกี่ยวก้อยกรรมการสภาฯลงเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัดนครพนม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาเก็บเกี่ยวข้อมูลเสนอทำแผนการศึกษาชาติ

ระหว่างวันที่ 10-11 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้จัดโครงการศึกษาดูงานสถานศึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ให้กับกรรมการสภาการศึกษา โดยได้ลงพื้นที่จังหวัดนครพนม

ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมสถานศึกษาพร้อมกับกรรมการสภาการศึกษา ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่เพื่อไปขยายผลให้ตกผลึกและนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศเป็นนโยบายในการขับเคลื่อนการศึกษาของชาติต่อไป ทั้งนี้ภารกิจสำคัญของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา คือ การเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาของชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการกีฬากับการศึกษาทุกระดับ รวมถึงการเสนอนโยบายและแผนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา และการประเมินผลการจัดการศึกษา รวมถึงรับฟังความเห็นในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและแผนการศึกษา ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ

เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวต่อไปว่า สถานศึกษาแรกที่ได้ลงไปตรวจเยี่ยม คือ การจัดการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งได้พบเห็นความหลากหลายในการจัดการศึกษาของ กศน.ทั้งการเรียนการสอนทั้งในระบบการศึกษา นอกระบบการศึกษาและการศึกษาตามอัธยาศัย รวมถึงการสอนทักษะอาชีพที่หลากหลายอาชีพ สามารถนำไปทำอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ และที่ประทับใจคือการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของผู้สูงอายุ ซึ่งดูแล้วเขาจะมีความสุขมากที่ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมีประโยชน์และเรียนรู้ไปพร้อมกัน บางคนมีความรู้ ก็สามารถถ่ายทอดให้กับเพื่อนในกลุ่มได้

ดร.สุภัทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้ไปดูการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ นครพนม ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน พบว่า 11% ของนักเรียนถ้าไม่ได้รับทุนการศึกษา ก็ได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียน ซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่ที่เป็นปัญหาก็คือข้อจำกัดของการลงทุน ทั้งนี้ในเรื่องการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชนถือว่าจัดการศึกษาได้ดีและมีคุณภาพอยู่แล้ว

นอกจากนี้สภาการศึกษาและกรรมการสภาการศึกษายังได้ไปเยี่ยมโรงเรียนนครพนมวิทยาคม ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนกว่า 2,000 คน สิ่งที่ได้เห็นคือความหลากหลายในการจัดการศึกษาของโรงเรียน เน้นการส่งเสริมให้เด็กเรียนในสิ่งที่ชอบ จะเห็นได้จากโรงเรียนมีทั้งห้องดนตรี กีฬา สระว่ายน้ำ เวทีมวย มีวงดุริยางค์ มีการสอนทักษะอาชีพ ซึ่งมีครบทุกอย่างให้เด็กได้ใช้และไม่เสียดายที่จะให้เด็กได้เรียนรู้ ซึ่งการลงทุนบางอย่างที่ไม่ใช่อุปกรณ์สนับสนุนทางด้านการศึกษาแต่เป็นอุปกรณ์พัฒนาทักษะของเด็กแสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมความสามารถของเด็กซึ่งเด็กทุกคนไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง เด็กบางคนอาจจะเล่นกีฬาเก่ง ทำกิจกรรมเก่ง เล่นดนตรีเก่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะเด็กซึ่งในอนาคตก็สามารถนำไปประกอบอาชีพได้

“การเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ทักษะอาชีพควรจะจัดให้เด็กอย่างหลากหลาย ซึ่งผมคิดว่าโรงเรียนนครพนมวิทยาคมเดินมาถูกทางแล้ว และโรงเรียนแห่งนี้ไม่เพียงแต่ดูแลนักเรียนของตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถไปเผื่อแผ่ให้กับโรงเรียนอื่นๆและเยาวชนเข้ามาใช้อุปกรณ์ร่วมกันด้วย ซึ่งตรงกับความคิดของคณะกรรมการสภาการศึกษา ในเรื่องการส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้อุปกรณ์บุคลากรร่วมกัน”ดร.สุภัทร กล่าว

และสุดท้ายเราได้ไปตรวจเยี่ยมที่ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นศูนย์คัดกรองเด็กช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม และเตรียมความพร้อมของคนพิการ เพื่อเข้าสู่ศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนเรียนร่วม  โรงเรียนเฉพาะความพิการ  ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแล้วศูนย์การศึกษาพิเศษแห่งนี้มีความพร้อมมาก มีการอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นๆทางการศึกษาสำหรับคนพิการ มีการจัดระบบบริการช่วงเชื่อมต่อสำหรับคนพิการ มีการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดยครอบครัวและชุมชน ด้วยกระบวนการทางการศึกษา มีระบบการเชื่อมต่ออย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยส่งเสริม สนับสนุนการมี ส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่นทำวอล์คเกอร์ด้วยไม้ เป็นต้น

“การลงพื้นที่ของสภาการศึกษาและกรรมการสภาการศึกษาในครั้งนี้ทำให้เราเห็นถึงความหลากหลายของการจัดการศึกษา เห็นถึงความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา ซึ่งกรรมการสภาการศึกษาจะรวบรวมข้อมูลเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ และคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปเป็นแนวทางของการจัดทำนโยบายการศึกษาของชาติต่อไป”ดร.สุภัทร กล่าวทิ้งท้าย

  วารินทร์ พรหมคุณ

รายงาน