เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อคราวประชุมเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายลูกเสือ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ประกอบด้วย 1. เครื่องแบบปกติ 2. เครื่องแบบปฏิบัติการ และ 3. เครื่องแบบลำลอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้น เพื่อให้สถานศึกษาและผู้ปกครองก่อนเปิดภาคเรียน เพื่อมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนก่อนเปิดภาคเรียน ในระหว่างการรอการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับใหม่ ที่ประชุมจึงมอบหมายให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ดำเนินการแจ้งแนวปฏิบัติการแต่งกายเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ในสถานศึกษา เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของนักเรียนและผู้ปกครองเกี่ยวกับเครื่องแบบของลูกเสือ เนตรนารี ให้เหมาะสมกับบริบททางสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งสภาพภูมิอากาศของประเทศ ตลอดจนการจัดกิจกรรมฝึกอบรมลูกเสือที่ยืดหยุ่น เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน โดยระหว่างรอแก้กฎหมายกระทรวงศึกษาธิการ จะมอบหมายให้ ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ(สลช.)ใช้อำนาจเลขาธิการ สลช.ประกาศยกเว้นการใส่ชุดเครื่องแบบลูกเสือชั่วคราวไว้ก่อน เพื่อลดภาระผู้ปกครองในภาวะเศรษฐกิจและสภาพอากาศปัจจุบัน ผู้ปกครองยังไม่ต้องเตรียมซื้อชุดลูกเสือ เนตรนารี ให้ลูกหลานในตอนนี้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามบริบทของโรงเรียน โดยนักเรียนสามารถใช้ชุดลำลองมีแค่ผ้าพันคอลูกเสือก็เป็นลูกเสือ เนตรนารี สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับรายงาน จากกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ว่า สกร.และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ.ได้ดำเนินงานสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งแรก ในรอบหลาย 10 ปี ซึ่งจะมีการสอบในวันที่ 26-27 เมษายน นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมีทางเลือกตามเส้นทางของตนเอง ซึ่งทราบว่ามีนักเรียนเข้าลงทะเบียนสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานด้วยระบบดิจิทัล (Digital Testing) ทั้งระดับประถม ม.ต้น ม.ปลาย ตั้งแต่วันที่ 4 – 10 เมษายน 2568 จำนวน 1,894 คน จำแนกเป็นระดับประถมศึกษา 120 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 560 คน และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1,214 คน