เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยอิงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเดียวกันกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 เสร็จแล้ว และได้นำเสนอหลักสูตรดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้การรับรองและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ซึ่งทาง สอศ.ตอบกลับมาว่าไม่ติดใจเรื่องของการเทียบระดับ แต่ถ้าเป็นการสอบรายวิชาแล้วนำมาเทียบมีระบียบของ สอศ.รองรับอยู่แล้ว แต่เป็นอำนาจของสถานศึกษาที่มีข้อพิจารณาแตกต่างกัน จึงมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่าเพื่อให้การดำเนินงานราบรื่น ควรออกเป็นประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องเทียบหลักสูตรมารองรับ ขณะที่ สพฐ.ได้มีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงเนื้อหา เพื่อให้มีความรอบครอบรัดกุม ซึ่ง สกร.ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะเรียบร้อยแล้ว และได้หารือกับ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะมา 2 ข้อ คือ 1.ให้ สกร.จัดทำประกาศ ศธ.เรื่องการเทียบหลักสูตร เพื่อให้ พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาลงนามประกาศใช้ และ 2.ให้ สกร.มาวางแผนไทม์ไลน์ระยะเวลาการดำเนินงาน

อธิบดี สกร. กล่าวต่อไปว่า สกร.ได้ดำเนินการตามข้อแสนอแนะแบบคู่ขนานไปพร้อมๆกับการเตรียมเริ่มต้น (kick-off ) ดำเนินการเทียบระดับการศึกษา ด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน 2568 นี้ โดยมีขอบข่ายเนื้อหาจัดสอบใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 3. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5. สุขศึกษาและพลศึกษา 6. ศิลปะ 7. การงานอาชีพ  และ 8. ภาษาต่างประเทศ ทั้งนี้ สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถเลือกแผนการสอบได้ทั้งแผนทั่วไป และแผนวิทย์ – คณิต

“ สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร ต้องเป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่มีสัญชาติไทย ไม่จำกัดอายุ แต่ในกรณีอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง , เป็นผู้มีคุณวุฒิในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าระดับที่ประสงค์จะขอสอบเทียบหนึ่งระดับ ยกเว้นขอสอบเทียบวัดระดับอยู่ในระดับประถมศึกษา การสมัครสามารถสมัครด้วยรูปแบบออนไลน์ได้ที่  http://ekas.dole.go.th หรือ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองทุกจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับเขตคลองเตย กรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 77 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเงื่อนไขในการรับวุฒิการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบ คือ 1.ต้องสอบผ่านทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 2.เข้าร่วมสัมมนาวิชาการ เพื่อประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทั้งนี้ มั่นใจได้ว่าผู้ได้รับวุฒิการศึกษาด้วยวิธีการสอบเทียบ มีคุณภาพเช่นเดียวกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นที่ยอมรับ และสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ” อธิบดี สกร.กล่าว

นายธนากร กล่าวด้วยว่า การเทียบระดับการศึกษา ด้วยวิธีการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเป้าหมายสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเรียนแต่ในห้องเรียนเท่านั้น โดยเชื่อว่าทุกคนสามารถมีวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ และเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในเรื่องการพัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ทั้งในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุน และสอดคล้องกับนโยบายการจัดการศึกษาของ พล.ต.อ. เพิ่มพูน ในด้านการลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงนโยบายการจัดการศึกษาที่เท่าเทียม พัฒนาคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัย ให้ผู้เรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” พัฒนา ส่งเสริม และสร้างความเสมอภาคเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพการศึกษา.

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
1000


0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments