เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568  ที่ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้จัดพิธีงานวันครู ครั้งที 69 ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ตามที่ได้รับมอบหมายจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี   โดยมีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยพิธีบูชาบูรพาจารย์และระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ มีการอ่านโองการอัญเชิญบูรพาจารย์ โดย ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ สวดฉันท์ระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ โดย ดร.อรรถพล สังขวาสี ครูอาวุโสนอกประจำการ เป็นผู้นำสวด  และมีการอัญเชิญพระคติธรรมจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก  พร้อมทั้งมีพิธีมอบโล่รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ   พิธีมอบเข็มคุรุสภาสดุดี และเกียรติบัติ รางวัลคุรุสภา”ระดับดี” พิธีมอบรางวัลของคุรุสภา ประจำปี 2567 ได้แก่ รางวัลครูผู้สอนดีเด่น รางวัลผลงาน “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” รางวัลผลงานวิจัยของคุรุสภา พิธีมอบรางวัลพระพฤหัสบดี ประดับประเทศ ประจำปี 2567 และพิธีมอบรางวัล ครูดีในดวงใจ

ทั้งนี้ นายกฯได้ส่งสาร เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568  โดยมีใจความว่า เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568  วันที่ 16 มกราคม 2568  ดิฉันขอส่งความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังคุณครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ที่สร้างคุณูปการแก่การศึกษาของชาติตลอดมา

“ครู” เป็นปูชนียบุคคลที่มีคุณค่าของชาติที่พัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้มีศักยภาพ ครูจึงเป็นผู้มีพระคุณเกศิษย์ทุกคน ดิฉันได้มอบคำขวัญวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ว่า “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย” ด้วยระลึกถึงพระคุณครู อาจารย์ ที่เปรียบเสมือนผู้ใหญ่ที่เคารพรักในครอบครัวที่ให้ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี เป็นผู้จุดประกายความคิดให้แก่ศิษย์ รวมทั้งถ่ายทอดวิชาความรู้และสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ให้คำชี้แนะ เป็นผู้นำความคิดให้ศิษย์ได้กล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม ทำให้ศิษย์ได้เรียนรู้และสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ทั้งการประกอบสัมมาชีพ การเลี้ยงดูครอบครัว และการอยู่ร่วมกับคนในสังคม ครูเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ศิษย์ได้ต่อยอดความคิดและทำในสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้ศิษย์ได้มีโอกาสในการเลือกแบบแผนชีวิตที่มีความมั่นคงและมีความสุข ครูจึงต้องเพียบพร้อมไปด้วยทักษะ ความรู้ ความสามารถและพัฒนาฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ ซึ่งจะบ่มเพาะให้ศิษย์เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม จริยธรรม พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าที่น่าภาคภูมิใจของชาติ รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม และความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชาติบ้านเมืองสืบไป

ในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69  พ.ศ. 2568 ดิฉันในฐานะศิษย์ขอแสดงความกตเวทิตาคุณแก่คุณครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แก่ศิษย์ด้วยหัวใจที่มุ่งมัน ทุ่มเท เสียสละเสมอมา พร้อมกันนี้ดิฉันขออวยพรให้ครูอาวุโส ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติภารกิจในการพัฒนาการศึกษาของชาติทุกท่านประสบแต่ความสุข มีพลังกาย พลังใจ พลังสติปัญญาที่เข้มแข็งและเปี่ยมไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรงสมบูรณ์ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน

ด้าน พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชม ยินดีต่อผู้ที่ได้รับรางวัลเนื่องในโอกาสงานวันครู การที่ท่านได้รับการพิจารณาคัดเลือกนั้น เป็นการยกย่อง เชิดชูเกียรติ ว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติเป็นผู้จัดการเรียนรู้ เป็นผู้ที่สนับสนุนการศึกษา และเห็นความสำคัญของการพัฒนาผู้เรียนและการศึกษา จึงอุทิศตน ทั้งกำลังแรงกาย แรงใจ และกำลังทุนทรัพย์ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศชาติ และผู้ที่ได้รับรางวัล ถือเป็น “แบบอย่างที่ดี” ที่ผู้เรียน ผู้วิชาชีพ และสังคม มองเห็นผลแห่งการกระทำที่ดีงามในความเป็น “ครูดี” ของท่าน

ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพคนของประเทศ “การพัฒนาคุณภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพของการศึกษา และคุณภาพของประเทศชาติ และหัวใจสำคัญของการศึกษา จึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ครูต้องกระตือรือร้น พัฒนาตนเองให้รอบรู้ รู้จริง ในเรื่องที่สอน ส่วนผู้เรียนต้องกระตือรือร้นในการเรียนรู้จากครู เมื่อสองอย่างนี้มาเจอกัน การพัฒนาอย่างมีคุณภาพจึงจะเกิดขึ้นได้

นโยบายรัฐบาลด้านการศึกษา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยเร่งส่งเสริมผลักดันให้เกิดการพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัยอย่างเต็มกำลังและความสามารถ รัฐบาลจะส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม เด็กไทยทุกคน จะต้องเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตรฐาน เมื่อเติบโตก็ได้เรียนหนังสือที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ส่งเสริมศักยภาพทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความสามารถทางกีฬา และพัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นทั้งในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุน ตอบโจทย์ศักยภาพของผู้เรียน ลดภาระและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนสองภาษา โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวช่วย เน้นการสอนทักษะที่ใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง เพื่อการสร้างรายได้ (Learn to Earn) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษาทุกระดับ รวมทั้งการเฟ้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา พร้อมทั้งส่งเสริมการปฏิรูประบบอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการแรงงานในอนาคตและรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning)

กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นสานต่อนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนเป็นที่ประจักษ์ ภายใต้หลักการ “การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และ การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต” ใช้แนวทางการทำงาน “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” “การศึกษาเท่าเทียม” ผ่านเครือข่ายการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกระดับให้ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล ภายใต้แนวคิด “ปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ” เพื่อพัฒนาคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัยให้ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” มีศักยภาพและความพร้อมสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”

ความพยายาม และความตั้งใจของกระทรวงศึกษาธิการจะสำเร็จได้ เพราะได้รับการตอบรับ หรือความร่วมมืออย่างแข็งขันจากครู ผู้บริหารทุกระดับ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการประสานเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนการศึกษาของชาติให้ก้าวหน้า ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เฉกเช่น “ดอกกล้วยไม้” อันเป็นสัญลักษณ์วันครู ต้องใช้เวลาดูแลและเอาใจใส่ แต่เมื่อดอกออกแล้วยังความสวยงามน่าชื่นชมมาสู่ผู้ที่ได้พบเห็น อย่างไรก็ดี ผมยังมั่นใจว่า กระทรวงศึกษาธิการทำได้สำเร็จ เพราะผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่างร่วมมือรวมพลังประสานมือกันช่วยเหลือ ทุ่มเท เอาใจใส่

อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาการศึกษาของประเทศ การยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ได้รับรางวัลในวันนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีครูและผู้บริหารดี ที่มีคุณภาพ เพียบพร้อมทั้งด้านความรู้ ความสามารถ และจิตวิญญาณความเป็นครู สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ ศิษย์ สมดังคำขวัญของท่านนายกฯ ที่ว่า “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย”

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า การจัดงานวันครูปีนี้ เป็นการจัดงานวันครูครั้งที่ 69 โดยมีปีนี้ ได้รับความร่วมมือจากศึกษาธิการจังหวัด เป็นผู้นำหลักในการจัดงานวันครูของสถานศึกษาในส่วนภูมิภาค ซึ่งกำหนดจัดงานวันครูพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ  นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากเครือข่ายการพัฒนาทางวิชาชีพทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพ ประกอบด้วย ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอ   สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)   มหาวิทยาลัยสวนดุสิต   มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่   สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย   สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย   ศูนย์ความปลอดภัย กรมตำรวจ บริษัท Google (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ให้สัมภาษณ์ภายหลัง เรื่องการลดภาระครู ว่า กระทรวงศึกษาธิการยังดำเนินการอยู่ ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ทำได้มากแล้ว 70-80% แล้วโดยเฉพาะเรื่องการลดภาระงาน เชื่อว่าเราดำเนินการได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประเมิน ว PA  การแก้ไขหนี้สินครู การย้ายครูคืนถิ่น ที่วันนี้มีการเปิดระบบย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System)  เป็นการลดภาระครูไม่ต้องเดินทางในการดำเนินการ และมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มความสะดวกในการดำเนินการ ซึ่งต้องขอบคุณและชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) ที่มาร่วมลงข้อมูลในระบบ อย่างไรก็ตามหากการดำเนินการระบบ TRS ประสบผลสำเร็จก็จะมีการต่อยอดไปใช้กับระดับผู้บริหารสถานศึกษาต่อไป

“ถือเป็นความพยายามในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลดภาระของครู ที่พอนำมาลงระบบแล้วจะสามารถเชื่อมกันได้หมด จากที่เปิดระบบตอน 8.00 น. พบว่า มีครูเข้ามาลงทะเบียนถึงกว่า 5,000 คน นับว่าครูมีความตื่นตัวดีมาก ดังนั้นสิ่งที่คาดหวังต่อไป คือจะมีการขยายผลออกไปในหน่วยงานอื่นๆ  ด้วย ไม่เฉพาะหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น วันนี้ถือว่าเป็นผลที่ดีเยี่ยมที่ต้องขอชื่นชม และเป็นของขวัญสำหรับครูเนื่องในวันครูด้วย” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวให้กำลังใจครูที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงด้วยว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองครูผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติมีความปลอดภัย สุขภาพกายสุขภาพใจแข็งแรง และขอวิงวอนไปยังผู้ที่ไม่ประสงค์ดี การที่ทำร้ายคุณครูซึ่งเป็นผู้ส่งเสริมให้เด็กมีปัญญา ถือเป็นการทำร้ายเด็ก ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นขอความกรุณาอย่าทำร้ายครูหรือบุคลากรทางการศึกษา เพราะครูทุกคนทำในสิ่งที่ดีให้ประเทศชาติและเด็ก ๆ

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments