เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 42/2567 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ รุ่นที่ 1 วันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 15,515 คน ซึ่งมีตัวอย่างความสำเร็จของการดำเนินงานและขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ได้แก่ 1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ อบรมฯ รุ่นที่ 1 ครบ 100% 2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)สุพรรณบุรี เขต 3 ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ อบรมฯ รุ่นที่ 1 ครบ 100% 3) โรงเรียนเวียงแหงวิทยาคม สพม.เชียงใหม่ ผู้บริหาร ครู เข้าอบรมฯ รุ่นที่ 1 ได้ 83% นอกจากนี้มีการขยายเครือข่ายเพื่อนำองค์ความรู้ PISA ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนกีฬา และจะมีการขยายผลสู่โรงเรียนเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) ขณะที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)ได้เผยแพร่วิดีทัศน์แนะนำ PISA วิดีทัศน์การอบรม เรื่อง การสร้างและพัฒนาข้อสอบความฉลาดรู้ รับชมได้ผ่าน YouTube ช่องทาง สสวท. และมีการเปิด LINE Openchat “การขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา” เป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารและตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ด้วย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหา “เด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา และ เด็กตกหล่น” นั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ได้มีการปรับนิยามเด็กนอกระบบการศึกษา (Out Of School: OOSC)ในระบบข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้ตรงกัน โดย เด็กออกนอกระบบการศึกษา หมายถึง เด็กสัญชาติไทยที่ไม่ได้เข้าถึงการจัดการศึกษาตามเกณฑ์ที่กำหนด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เด็กตกหล่น และเด็กออกกลางคัน ส่วนการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาที่อยู่ในวัยเรียน ช่วงอายุ 3-18 ปี จำนวนทั้งสิ้น 1,025,514 ล้านคน แบ่งเป็น การติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา เด็กไทย 767,304 คน ติดตามได้ 365,231 คิดเป็น ร้อยละ 47.60 ยังติดตามไม่ได้ 402,073 คน คิดเป็นร้อยละ 52.40 นอกจากนี้มีการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา เด็กต่างชาติ 258,210 คน ติดตามได้ 31,816 คน คิดเป็น ร้อยละ 12.32 ยังติดตามไม่ได้ 226,394 คน คิดเป็นร้อยละ 87.68
“สำหรับกระบวนการต่อไปในการขับเคลื่อนโครงการ Zero Dropout คือ ให้มีการปรับระบบร่วมกันของทุกหน่วยงาน ได้แก่ การใช้นิยามเด็กนอกระบบการศึกษาให้ตรงกันทุกหน่วยงาน โดยใช้ฐานข้อมูลของ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศนท.สป.ศธ.) เป็นหลัก และใช้ระบบ OBEC Zero Dropout ของ สพฐ.ในการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา รวมถึงตรวจสอบข้อมูลเด็กในสถานพินิจและเด็กในวัยเรียน ที่เรียนในต่างประเทศ ร่วมด้วย โดยยึดหลักการศึกษาเท่าเทียมไม่ว่าเด็กจะอยู่ที่ไหนต้องได้รับการศึกษา” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวและว่า ทั้งนี้ได้ให้แนวทางในการขับเคลื่อนโครงการ Zero Dropout คือ ป้องกัน แก้ไข ส่งต่อ และ ติดตามดูแล เข้ามาแล้ว ต้องไม่ให้หลุดอีก จากเดิมที่มีเพียง ป้องกัน แก้ไข และส่งต่อ แต่วันนี้ได้เพิ่มติดตามดูแลด้วย เพราะเด็กกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เคยหลุดระบบมาแล้วก็มีโอกาสที่อาจจะหลุดระบบอีกครั้งก็ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามดูแลเป็นพิเศษ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังมีการติดตามรายงานผลการเบิกจ่ายและผลการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 3.4 แสนล้านบาท โดยเป็นงบดำเนินงาน 210,280 ล้านบาท งบลงทุน 11,938 งบเงินอุดหนุน 92,387 ล้านบาท ซึ่งพบว่า ผลการเบิกจ่ายและผลการใช้จ่ายในภาพรวมต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะงบลงทุน อย่างไรก็ตามได้กำชับให้ดูงบที่มีผู้ทิ้งงาน โดยเฉพาะงานที่เหลืองวดงานไม่มาก หากทิ้งไว้จะเกิดความเสียหาย ถ้าสามารถจัดสรรงบฯได้ก็ให้จัดไปหรือถ้าจัดไม่ได้ต้องของบฯกลางก็ให้ดำเนินการ เพราะจากที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพบว่ามีอาคารเรียนที่ถูกทิ้งงานค่อนข้างมาก ก็รู้สึกเสียดายถ้าขาดโอกาสในการดำเนินการต่อ ก็ฝาก สพฐ.ให้ดำเนินการติดตามแก้ไขให้ดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ในเรื่องการเตรียมการของขวัญปีใหม่ 2568 ของกระทรวงศึกษาธิการนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการจะรวบรวมต่อไป แต่ที่ชัดเจนแล้ว คือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) จะเปิดศูนย์ “อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน (Fix it Center) เทศกาลปีใหม่ 2568” ส่งสุข ปลอดภัย ตลอดการเดินทาง ให้บริการตรวจสภาพรถก่อนการเดินทางฟรี ทั่วประเทศ ระว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 3 มกราคม 2568