ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(สป.ศธ.)ซึ่งจากข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้มีการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาระบบบิ๊กดาตาของภาครัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของ ศธ.ได้รับโจทย์ 2 ข้อ คือ 1.ทำอย่างไรให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดย สป.ศธ.รับผิดชอบ และ 2.ผลิตคนอย่างไรให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รับผิดชอบร่วมกับกระทรวงแรงงาน ซึ่งโจทย์ทั้ง 2 ข้อดังกล่าวถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ ศธ.ต้องดำเนินการ จัดทำระบบฐานข้อมูลกลางด้านการศึกษา เป็นการพัฒนาระบบบิ๊กดาตาของ ศธ. 2 เรื่องสำคัญ คือ ข้อมูลเด็กในวัยเรียน 3-18 ปี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สป.ศธ.ที่ได้รับมอบหมายจาก นพ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ และข้อมูลวัยแรงงานที่อายุเกิน 15 ปีขึ้นไป ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน
ดร.อำนาจ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของบิ๊กดาตาแรงงานนั้นทราบว่า มีความก้าวหน้าใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนบิ๊กดาตาวัยเรียนซึ่งเป็นภาพรวมของประเทศ เนื่องจากมีหน่วยงานที่ดูแลเด็กในวัยเรียนทั้งในและนอก ศธ.รวมกว่า 30 หน่วยงาน ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องนำส่งข้อมูลมาเข้าบิ๊กดาตาจำนวน 5 ฐาน ประกอบด้วย ข้อมูลนักเรียนทุกระดับ ข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัด ข้อมูลข้าราชการและบุคลากรประเภทอื่นทุกสังกัด ข้อมูลสถานศึกษาทุกแห่ง และข้อมุลผู้สำเร็จการศึกษาทุกระดับ ซึ่งขณะนี้ข้อมูลเข้ามาแล้วถึง 96% คาดว่าจะได้ครบ 100% ก่อนเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2562 แน่นอน เพื่อจะทราบข้อมูลเด็กวัยเรียนได้ครบถ้วนสมบูรณ์ว่า ใครเรียนที่ไหน อย่างไร มีเด็กตกหล่นหรือไม่ หรือออกกลางคันเท่าไหร่ เพราะอะไร โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการวางแผนจัดการศึกษาและเชื่อมโยงไปถึงกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยเหลือเด็กต่อไป
“ภาพรวมของการเก็บข้อมูลและพัฒนาระบบบิ๊กดาตาของ ศธ.ถือว่าขับเคลื่อนไปได้อย่างดี โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะทุกคนตระหนักดีว่าการจัดทำบิ๊กดาตานี้จะต้องร่วมมือและสนับสนุนให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาและป้องกันเด็กผีได้ ป้องกันเด็กออกกลางคันได้ และยังสามารถติดตามเด็กได้โดยตรง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเด็กได้ทันในกรณีเด็กไม่มีที่เรียน ทั้งนี้ผู้บริหาร ศธ.ทุกคนตั้งแต่ รมว.ศึกษาธิการ รมช.ศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเน้นย้ำให้ผมขับเคลื่อนงานนี้เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งระบบที่สมบูรณ์”รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
