ดร.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)กำลังเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน ว่าก.ค.ศ.ให้ มีการจัดทำแฟ้ม13 แฟ้มเพื่อประกอบการประเมิน ผลการปฏิบัติงานเพื่อพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ข้าราชการครูฯตามกฏ ก.คศ.ใหม่ (ว.20 ปี 2561)ซึ่งก.ค.ศ.ได้ให้ความเห็นชอบตั้งแต่ เดือนกันยายน 2561 โดยกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้มีการจัดทำแฟ้มผลงานแต่อย่างใด ซึ่งตัวชี้วัดจะกำหนดจากงานในหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งซึ่งต้องมีการดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้วไม่ได้เป็นการสร้างภาระงานขึ้นใหม่
“การประเมินดังกล่าวไม่ใช่การประเมินความดีความชอบ แต่เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อจะนำมาใช้ในการเลื่อนเงินเดือนซึ่งเป็นไปตามมาตรา72 และ 73 ที่กำหนดไว้ชัดเจน แต่ทั้งนี้เพราะการเลื่อนเงินเดือนเปลี่ยนรูปแบบเราจึงได้ปรับการประเมิน ซึ่งเป็นการประเมินที่ไม่ได้ต่างไปจากมาตรฐานตำแหน่ง ซึ่งเป็นการทำงานของครูอยู่แล้วเพียงแต่ว่าเรามากำหนดเป็นหัวข้อให้ประเมินตามมาตรฐานตำแหน่งของครู ซึ่งครูทุกคนต้องทำงานตามมาตรฐานตำแหน่งอยู่แล้ว 13 ตัวชี้วัดก็เป็นคำมาจากมาตรฐานตำแหน่ง เอามากำหนดว่าครูทำอะไรด้านไหนบ้าง เป็นสิ่งที่ครูต้องทำและก็มีความจำเป็นที่เราต้องออกแบบนี้ไป เพราะต้องมาปรับระดับคุณภาพและหลักฐานร่องรอยให้ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าใครทำงานในหัวข้อเดียวกัน ระดับคุณภาพต่างกัน มาจากหลักฐานร่องรอยตัวไหน จะได้กำหนดว่าทุกคนต้องทำงานเหมือนกันหมดแต่ระดับคุณภาพอาจจะต่างกันก็ต้องมีร่องรอยอะไรบ้าง”เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวและว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของส่วนราชการที่เป็นผู้บังคับบัญชาสามารถจะสั่งการได้ เพราะเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานครู ก็ต้องมีร่องรอยหลักฐาน ซึ่งตนคิดว่าครูน่าจะมีความกังวลใจที่ต้องไปทำเอกสารเพิ่มเติมซึ่งเป็นเรื่องที่เขาทำตามปกติหน้าที่ของเขาที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ได้ทำอะไรมากกว่างานที่เคยทำ และไม่รู้ว่าครูได้รับข่าวสารมาจากไหนว่า 13 ตัวชี้วัดจะต้องทำแฟ้ม
ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ. ได้แจ้งไปยัง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท. ) ผอ.โรงเรียน ข้าราชการครูและผู้เกี่ยวข้องทราบว่า ให้ยกเลิกการจัดทำแฟ้มแบบประเมินความดีความชอบปี 2562 จำนวน 13 แฟ้ม ตามตัวชี้วัดของ ก.ค.ศ. อย่างไรก็ตาม ก.ค.ศ.ไม่ได้บอกว่าให้ทำ 13 แฟ้ม แต่ครูเข้าใจว่าต้องจัดทำผลงานให้ได้ครบตาม 13 ตัวชี้วัด ที่ก.ค.ศ.กำหนด จึงเป็นที่มาของการจัดทำแฟ้ม 13 แฟ้ม และเป็นการสร้างภาระให้แก่ครู ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้สั่งการให้มีการปรับการประเมินใหม่ เช่น ให้ครูเขียนรายงานการประเมินตนเอง แค่ 2 หน้ากระดาษก็พอ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. จะต้องไปปรับวิธีการประเมิน และแจ้งให้ สพฐ. เพื่อเร่งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป
