จากกรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม ได้โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม  หลังสอบติดพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอนอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)สระแก้ว แต่ผ่านไป 3 วัน ปรากฏว่าชื่อของเธอหายไป นั้น ความคืบหน้าล่าสุด นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่โฆษกศธ. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เหตุผลที่ สพฐ.ขอเลื่อนการแถลงข่าวผลการสืบข้อเท็จจริงออกไปก่อน เนื่องจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)อยากให้ ครูเบญ ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย แต่เนื่องจากวันนี้ ครูเบญ ต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ดังนั้น   สพฐ.จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวในวันนี้ออกไปก่อน ขณะเดียวกัน สพฐ. ก็ได้ส่งเอกสาร ทั้งข้อสอบ กระดาษคำตอบ  ทั้งของ ครูเบญ และผู้ที่ประกาศรอบ 2 ที่ได้อันดับที่ 1 ไปยัง กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ยืนยันว่า เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารจริงหรือไม่ อย่างไร  เป็นไปตามนโยบายรมว.ศึกษาธิการ และรมช.ศึกษาธิการ ที่อยากทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด จะได้ไม่มีความคลางแคลงใจ

“ตอนนี้ สพฐ.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีการตรวจข้อสอบ กระดาษคำตอบ รวมถึงสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปากพบว่า มีในเรื่องความประมาทเลินเล่อ  ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน  และ เพื่อความถูกต้อง ไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ จึงส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน สตช. ตรวจสอบอีกรอบ เพื่อความชัดเจน ส่วนจะแถลงข้อสรุปเรื่องนี้ เมื่อไรนั้น คงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน จากทางสตช. หรือจนกว่า ครูเบญ จะมีความพร้อม” นายสิริพงศ์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ หากผลสอบสรุปว่า ครูเบญ สอบได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 จริงตามประกาศครั้งแรก ก็จะบรรจุเป็นพนักงานราชการให้ตามสิทธิ แต่หากพบว่า เป็นความผิดพลาดจากความประมาทเลินเล่อ เช่นกรณีอ้างว่า มีการประกาศรายชื่อผิด โดยสลับชื่อครูเบญ กับผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1 ก็จะต้องมีการเยียวยา เช่น คืนตำแหน่งครูอัตราจ้างเพื่อให้มีงานทำ แต่คงไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานราชการให้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้เข้าสอบคนอื่น  รวมถึงจะกลายเป็นบรรทัดฐาน หากมีใครมาร้องเรียน ก็จะต้องบรรจุให้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในส่วนผู้ที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างแน่นอน ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็น ความประมาทเลินเล่อ หรือการทุจริต ก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะ ผอ. สพม.สระแก้ว

ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า สพฐ. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดแล้ว โดยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่าผลสอบของ ครูเบญ คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ60 ตาม เกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10 ซึ่ง ครูเบญ ก็ได้เซนต์ชื่อยอมรับแล้ว ส่วนคนที่ได้ที่ 1 พบว่าคะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ก็น่าจะสอบได้จริง  อย่างไรก็ตามการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ดำเนินการโดย สพฐ. อาจทำให้สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายประเด็น ดังนั้น สพฐ.จึงทำหนังสือ ถึงกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งขาติ (สตช.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ เพราะมีเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้ช่วยตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่น่าเชื่อถือ  ข้อสอบเป็นการฝนด้วยดินสอบสองบี ตรวจกระดาษคำตอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์

“จากการตรวจสอบด้วยสายตา ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของสพฐ. ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัย สพฐ. จะต้องส่งเอกสาร หลักฐาน ให้หน่วยงานกลาง เพื่อตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากได้ข้อสรุปจากกองพิสูจน์หลักฐาน ในเชิงวิทยาศาสตร์ แล้วจะนัดแถลงข่าวพร้อมครูเบญ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง ส่วน สพฐ.จะมีมาตรการเยียวยาครูเบญอย่างไรนั้น ก็จะไปดูความเหมาะสม เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เรื่องนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน โดยเฉพาะผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ซึ่งถือเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรง ” ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม นายสุรศักดิ์ ในฐานะกำกับดูแล สพฐ.จะตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบกระบวนการสอบทั้งหมด ซึ่งมีทั้งอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักการศึกษา ซึ่งเป็นคนกลางมาตรวจสอบอีกครั้ง เพราะขณะนี้สังคมกำลังสังสัยเคลือบแคลงการทำงานของศธ. ซึ่งก็ต้องให้ทุกคนมั่นใจว่ากระทรวงศึกษาธิการจะไม่ปกป้องคนที่กระทำความผิด

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments