เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ที่ สนามช้างอารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้องทั้งระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 26 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เสร็จสิ้นลงอย่างเป็นทางการ และบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างครบถ้วนแล้ว โดยตลอดการประชุมผู้นำด้านการศึกษาจากประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม และอาเซียนบวกแปด ได้ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนและส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนาคต ภายใต้หัวข้อ “การพลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัล” ซึ่งเป็นหัวใจในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ
พลตำรวจเอกเพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการศึกษา และผลักดันนโยบายการศึกษาไปสู่อาเซียน เช่น นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมพลังพลเมืองให้เรียนรู้อย่างมีความสุข และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา อีกทั้งยังมุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม การส่งเสริมการเรียนรู้ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ที่มุ่งพัฒนาระบบนิเวศ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต การส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียนจบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) เพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
“การประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเขียน ครั้งที่ 13 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทั้งนี้ จากแบบสอบถาม ผู้เข้าร่วมประชุมพึงพอใจมากสำหรับภาพรวมด้านการต้อนรับและการรับรองของการจัดการประชุมครั้งนี้ โดยผู้เข้าร่วมประชุมร้อยละ 90 ประทับใจในสถานที่จัดการประชุมที่มีความแปลกใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในสนามฟุตบอลบุรีรัมย์ยูในเต็ด สำหรับกิจกรรมที่มีความตื่นตาตื่นใจที่สุดสำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ร้อยละ 95 คือ พิธีเปิดการประชุม ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย ตลอดจนอาหารและการแสดงต้อนรับ ที่แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของชาวบุรีรัมย์ ที่รังสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษนี้“รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า และอีกสิ่งที่ได้รับคำชื่นชมจากผู้ร่วมประชุมไม่น้อย คือ รูปแบบการจัดประชุมที่มีการนำระบบดิจิทัลมาช่วยแปลภาษาผ่านจอภาพนอกจากใช้ล่ามแปล เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมได้รับทราบด้วย โดยวิธีการนี้เริ่มมาจากที่ตนไปให้นโยบายโรงเรียนเศรษฐเสถียร ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เวลาครูผู้สอนแปลภาษามือแล้วพูดออกมาก็จะมีตัวหนังสือขึ้นมาบนจอ ก็สามารถช่วยให้นักเรียนเรียนได้ดีขึ้น ตนจึงให้นำแนวทางนี้มาใช้ในการจัดประชุมครั้งนี้ สำหรับการประชุมครั้งที่ 14 ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า คือในปี พ.ศ.2569 โดยสาธารณรัฐสิงค์โปร์เป็นประเทศเจ้าภาพ
นายเอกภาพ พันทะวง รองเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทยได้แสดงถึงภาวะผู้นำของประเทศไทยในด้านการศึกษาอาเซียน ซึ่งประเทศไทยได้ทำให้มาตรฐานของการจัดประชุมระดับอาเซียนสูงขึ้นเป็น High Standard ทั้งนี้ขอขอบคุณประเทศคู่เจรจาทุกประเทศที่ได้สนับสนุนโครงการและทุนการศึกษาในอาเซียน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือทางการศึกษาจะเข้มแข็งและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ตามที่เราได้ร่วมกันดำเนินการพลิกโฉมการศึกษาในยุคดิจิทัล และมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อปวงชน