ทุกวันนี้เด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะสายตาผิดปกติ การตรวจคัดกรองสายตา ส่งต่อรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งรวมถึงการได้รับแว่นสายตา จะช่วยให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและป้องกันตาบอดถาวรได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เด็กจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รับโอกาส แก้ไขไม่ทันกาลจนเกิดเป็นความพิการขึ้น
พญ.เพียงใจ (คำพอ) ลวกุล จักษุแพทย์ หัวหน้ากลุ่มงานจักษุ โรงพยาบาลมหาสารคาม ที่ผลงานจากโครงการเด็กไทยสายตาดี ได้รับรางวัล ชนะเลิศอันดับ 1 BEST PRACTICE สาขาตา ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะเข้ารับรางวัลในการประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan Sharing) ที่เมืองทองธานี ในวันที่ 15-16 สิงหาคม 2567 นี้
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่ผลงานเป็นที่ประจักษ์ จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมระดับประเทศนี้ คุณหมอเพียงใจ หรือ หมอจิม ทุ่มเทให้กับการบริการประชาชนในพื้นที่บริการของโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยเฉพาะเด็ก ๆ ตามชื่อโครงการเด็กไทยสายตาดี ที่มีกลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ก่อนจะได้คุยกับคุณหมอจิม ทราบมาว่า คุณหมอและทีมงาน มีความเสียสละมากจริง ๆ ในการออกหน่วยแต่ละครั้งงบประมาณที่มีอย่างจำกัดหรือจะเรียกว่าไม่มีเลยด้วยซ้ำ คุณหมอและทีมงานต้องควักกันเอง ค่าน้ำ ค่าอาหารหากันมาเอง แม้แต่เครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำงานของส่วนตัวซะเป็นส่วนใหญ่
จากข้อมูลที่ได้มาตอนแรกก็ว่าจะรอให้คุณหมอไปรับรางวัลก่อนค่อยมาเขียน แต่เรื่องดี ๆ ที่น่าชื่นชมจะเก็บไว้นานก็ใช่เรื่อง ไปคุยกับคุณหมอดีกว่า หมอจิม บอกว่า โครงการนี้เป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดำเนินงานโครงการเด็กไทยสายตาดี เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 โดยกำหนดเป้าหมาย คือ การตรวจคัดกรองสายตานักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทั่วประเทศ พร้อมมอบแว่นสายตาอันแรกแก่เด็กที่มีสายตาผิดปกติ รวมทั้งได้รับการแก้ไข/ส่งต่อเพื่อทำการรักษาหากพบความผิดปกติอื่น ๆ โดยมีงบฯ ค่าตัดแว่นสายตาให้แก่เด็กที่สายตามีความผิดปกติ หัวละ 600 บาท
ต้องถือว่าเป็นภารกิจที่โรงพยาบาลจะต้องดูแลเด็กในพื้นที่ แต่เนื่องจากการจะให้เด็ก ๆ ในชนบทเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีเรื่องของค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นมากมาย อย่างน้อยก็ค่าเดินทาง ค่ากิน เพราะการมาโรงพยาบาลแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเป็นวันค่อนวัน ทางกลุ่มงานจักษุ โรงพยาบาลมหาสารคาม จึงทำโครงการออกหน่วยบริการลงไปตรวจคัดกรองสายตาให้เด็กที่โรงเรียนในพื้นที่บริการ
ฟังคุณหมอคุยเพลิน ๆ เลยได้โอกาสถามถึงข้อมูลที่ได้มา หมอจิมบอกว่า ในการออกหน่วยแต่ละครั้ง ทางโรงพยาบาลให้การสนับสนุนอย่างดี แต่เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดของโรงพยาบาลทำให้หลายครั้ง ทางชุมชน ชาวบ้าน หรือภาคเอกชนต้องเข้ามาช่วยสนับสนุน และบ่อยครั้งที่ทีมงานต้องออกค่าใช้จ่ายกันเอง แต่ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคอย่างมาก คือ เครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำงานไม่พร้อม เก่ามาก ชำรุด เสียหาย ที่ผ่านมาเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นของส่วนตัวบ้าง ไปขอสนับสนุนจากร้านแว่นเอกชนบ้าง แถมค่าราคาค่าแว่นที่ได้รับหัวละ 600 บาทนั้น ถ้าเกินโรงพยาบาลก็ต้องดูแล ซึ่งโรงพยาบาลก็ไม่มีงบฯให้ แต่ถือว่ายังโชคดีเพราะที่ทำมาทางโครงการก็มีชาวบ้านมาช่วยดูแลสนับสนุนงบฯบ้าง แว่นที่ราคาเกิน 600 บาท ก็มีชาวบ้าน ภาคเอกชน ช่วยบริจาค เพราะราคาแว่นปกติ ถ้าค่าสายตาไม่มากก็ตกประมาณ 800 บาท ถ้าค่าสายตามากหรือเด็กมีความผิดปกติทางสายตามากก็ 1,000 บาทขึ้น เด็กบางคนตัดแว่นอันนึง 4-5 พันบาท ก็มี
จากอุปสรรคเรื่องเครื่องมือไม่พร้อม เลยมีความคิดจะหางบฯ จัดหาเครื่องมือออกหน่วย เครื่องราคาต่อรองมาได้ 307,000 บาท โดยเครื่องนี้จะใช้ได้กับผู้ใหญ่และเด็กประถม 6-7 ขวบ ขึ้นไป ก็กำลังระดมเงินอยู่ซึ่งมีคนบริจาคช่วยเหลือมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ตอนนี้ก็ได้ขาดอีกประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท แล้วก็ตั้งใจว่าเงินที่จะได้จากรางวัล BEST PRACTICE ซึ่งยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่ก็จะนำมาสมทบเพื่อไปซื้อเครื่องมือมาให้ได้ เพราะตั้งใจมากทีมงานอยากออกไปตรวจสายตาให้เด็ก ๆ แล้ว
สุดท้ายคุณหมอจิม ฝากบอกว่า ถ้าซื้อเครื่องมือตรวจวัดสายตาได้สำเร็จ ก็จะระดมทุนซื้อเครื่องมือตรวจสายตาเด็กก่อนวัยเรียนอีกเครื่อง เพราะเท่าที่ลงพื้นที่มาพบว่าเด็กเล็กมีปัญหาเรื่องสายตาเยอะอยู่เหมือนกัน ถ้าแก้ไขได้เร็วเด็กก็จะไม่ต้องเสี่ยงกับโรคที่อาจจะรุนแรงขึ้น โดยราคาเครื่องมือสำหรับเด็กเล็กราคาจะสูงกว่าของผู้ใหญ่ซึ่งต่อรองได้ราคาสำหรับบริจาคแล้วอยู่ที่ 320,000 บาท
หลายคนได้ฟัง หรือได้เห็นภาพการทำงานของคุณหมอและทีมงานแล้วถึงกับน้ำตาไหล เพราะสงสารเด็กผู้รับบริการที่ได้แว่นทำให้เปลี่ยนชีวิต มองโลกได้สดใสสมวัย แล้วก็ตื้นตันยินดีกับทีมงานคุณหมอที่เสียสละทุกสิ่งอย่าง รวมถึงปิดคลินิกบางวัน เพื่อไปวัดสายตาเปิดโอกาสการมองเห็นที่ชัดเจนให้กับเด็ก ๆ เหล่านั้น
หากเพื่อน ๆ อยากร่วมสนับสนุนช่วยเหลือเด็กยากไร้ให้ได้มองเห็นโลกที่สดใส สามารถร่วมสมทบทุนได้ที่ เลขบัญชี 409-3-20307-5 ชื่อบัญชี “กลุ่มงานจักษุโรงพยาบาลมหาสารคาม” ธนาคารกรุงไทย โดยระบุในสลิปว่า “สมทบทุนซื้อเครื่องมือวัดแว่นเด็กนักเรียน”
*** การถอนเงินแต่ละครั้ง ใช้ชื่อ 2 ใน 4 (จากกรรมการแผนก หมอ 2 พยาบาล 2) ***
อรนุช วานิชทวีวัฒน์