เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้จัดโต๊ะแถลงข่าวกรณี บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด ทำหนังสืออุทธรณ์ผลการจัดซื้อจัดจ้างฯไปยังกรมบัญชีกลาง โดยขอให้กรมบัญชีกลาง มีคำสั่งยกเลิกการประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2567 ทั้งหมด และให้มีการประกวดราคาใหม่ ทั้งนี้ เนื่องจากการประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนฯ ดังกล่าว มีลักษณะปิดกั้น ไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดผลเสียต่อภาครัฐ พร้อมทั้งขอให้มีการสอบสวน และหากพบการกระทำผิด ขอให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุนการกระทำผิดทุกรายตามกฎหมาย นั้น
นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้องค์การค้าฯ มีเวลาจำกัดในการดำเนินการจัดทำหนังสือแบบเรียน จึงมีเหตุจำเป็นจะต้องดำเนินการ โดยวิธีคัดเลือก ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 78 วันแต่ถ้าใช้วิธี (e-bidding) จะทำให้ผลิตไม่ทันเวลาการเปิดภาคเรียน 2567 ซึ่งจะส่งผลกระทบกับนักเรียน ครู โรงเรียน สถานศึกษาและระบบบริหารการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ถูกต้องทุกประการ
นายภกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงพิมพ์ดังกล่าวได้ยื่นประกวดราคาในราคาที่ต่ำสุดและได้งานไปถึง 5.3 ล้านเล่ม ในขณะที่โรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกอื่นๆ ได้รับการคัดเลือกให้จัดพิมพ์โดยประมาณ 2-3 ล้านเล่ม ตามศักยภาพของโรงพิมพ์แต่ละแห่งองค์การค้าจึงไม่เข้าใจว่า โรงพิมพ์ที่ร้องเรียน และได้งานไปกว่า 5 ล้านเล่มนั้น นำประเด็นนี้มาโจมตีด้วยเหตุผลใด และในวันที่ทำสัญญา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โรงพิมพ์แห่งนี้ก็เข้ามาทำสัญญา และยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดเช่นเดียวกับโรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ทำสัญญา ยังนำฝ่ายกฎหมายและนักข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งเข้ามาร่วมฟังการชี้แจงด้วย ทั้งนี้ข้อกล่าวหากรณีการล็อคสเปคกระดาษที่เป็นข่าวนั้น องค์การค้าฯ ไม่ได้กำหนดสเปคเอง แต่การเลือกใช้กระดาษของหนังสือเรียน องค์การค้าฯ ได้รับการอนุมัติจาก สสวท. ซึ่งเป็นเจ้าของต้นฉบับ และ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ. )ได้อนุมัติให้ใช้และกำหนดราคาจำหน่ายหนังสือเรียนมาให้ องค์การค้าฯไม่ได้เป็นผู้กำหนดสเปคของกระดาษโดยพลการ และกระดาษก็ไม่ได้ใช้เป็นปีแรก และก็ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องซื้อจากแหล่งใด ทุกโรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกสามารถซื้อกระดาษจากแหล่งใดก็ได้ เพียงแต่ต้องขอให้ตรงตามสเปคที่กำหนดตาม TOR ซึ่งการสั่งกระดาษเข้ามารองรับงานพิมพ์ บริษัทกระดาษทุกๆบริษัททราบอยู่แล้วว่าในแต่ละปี องค์การค้าฯจะมีปริมาณการผลิตหนังสือเรียนเท่าไหร่ ดังนั้นบริษัทที่ประสงค์จะขายกระดาษให้กับโรงพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์หนังสือขององค์การค้าฯสามารถวางแผนสต๊อกกระดาษเพื่อใช้ในการผลิตหนังสือเรียนได้ ซึ่งเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ
”องค์การค้าฯ มุ่งเน้นผลิตหนังสือเรียนให้ทันเปิดเทอม เน้นคุณภาพ ราคาถูก รวมทั้งประหยัดงบประมาณของรัฐ ดังนั้น องค์การค้าฯ จะไม่ยอมให้ใครมาหวังผลประโยชน์จากการผลิตหนังสือเรียน หรือมาทำร้ายเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นความหวังของชาติอย่างแน่นอน “นายภกร กล่าวและว่า เมื่อปี 2566 มีหนังสือร้องเรียนมาถึงองค์การค้าฯทั้งหมด 7ฉบับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ยกเลิก TOR ยกเลิกการประกวดราคา และปีนี้มีหนังสือร้องเรียนให้ยกเลิก TOR ถึง 17 ฉบับในเวลา 18 วัน (วันที่ 27ก.พ.-18 มี.ค.) ซึ่งถ้าต้องยกเลิก TOR ตามที่ร้องเรียน ก็คือกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องยืดเยื้อออกไป การจัดพิมพ์หนังสือเรียนก็จะไม่ทันตามกำหนด เพราะฉะนั้นยืนยันว่าสิ่งที่ทำเพื่อให้เด็กไม่ขาดโอกาสได้สิ่งที่ดีที่สุดและมีประโยชน์
ด้าน นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) รักษาการผอ.องค์การค้าของสกสค. กล่าวว่า ปกติจะมีการประกาศTOR ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแต่ปีนี้ติดเงื่อนไขว่าการตรวจต้นฉบับยังไม่เสร็จ เนื่องจากมีการปรับปรุงเนื้อหารูปภาพซึ่งเป็นกระบวนการของสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา(สวก.) สพฐ.ซึ่งเป็นต้นน้ำ และนโยบายของว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. คือ ต้องการให้ทุกสำนักพิมพ์ได้รับต้นฉบับพร้อมกัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยการคัดเลือกไม่ได้ e-bidding ซึ่งก็ได้ไปหารือกับกรมบัญชีกลางแล้ว กรมบัญชีกลางก็ตอบมาว่าสามารถทำได้ โดยหา 3 บริษัทหรือ 3สำนักพิมพ์มาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เราก็หามาได้ถึง19 สำนักพิมพ์ทั้งภาครัฐและเอกชน เรามีระยะเวลาจำกัด 55 วัน ต้องพิมพ์หนังสือให้เสร็จ คือตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ถึง 14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ถือว่า เป็นโจทย์ที่ยากที่สุด ทำให้ต้องไปทำไทม์ไลน์กับสำนักพิมพ์ว่าจะต้องเสร็จตามเงื่อนเวลา ส่วนที่มีบางสื่อระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้ ใช้งบประมาณแผ่นดิน องค์การค้าฯขอยืนยันว่าไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินแม้แต่บาทเดียวไม่ได้ใช้ภาษีของประชาชนแม้แต่บาทเดียว เราเป็นหน่วยงานในสังกัดภาครัฐ แต่ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานแม่(สกสค.)แม้แต่บาทเดียว เราต้องหากินด้วยตัวเองเป็นเงินของเราเองทุกบาททุกสตางค์ ดังนั้น สำนักพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกให้พิมพ์หนังสือเรียนให้กับองค์การค้าฯ ที่ได้ลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 องค์การค้าฯ จะเร่งดำเนินการผลิตและจัดส่งหนังสือแบบเรียนให้ทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน