เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ หอประชุมคุรุสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะสภานายกสภาลูกเสือไทย เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี 2562 ชั้นที่ 2 จำนวน 154 ราย ชั้นที่ 3 จำนวน 291 ราย และเหรียญลูกเสือยั่งยืน ประจำปี 2563 – 2564 จำนวน 234 ราย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ รักษาราชแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานฯ, ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล รักษาราชการแทนรองปลัด ศธ. ในฐานะรองเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ สลช. ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอนุทิน กล่าวว่า การมอบเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้น 2 – 3 ประจำปี 2562 และเหรียญลูกเสือยั่งยืน ประจำปี 2563 – 2564 เป็นมากกว่าพิธีกรรมประจำปี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ เป็นมาตรฐานของคุณงามความดี ที่จะอยู่ในความทรงจำประทับไว้เป็นเครื่องเตือนใจและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยาน ขอแสดงความชื่นชมยินดีและเป็นกำลังใจ และถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้มีโอกาสมาอัญเชิญเหรียญพระราชทานให้ทุกคนในวันนี้ กิจการลูกเสือเป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาเยาวชน ให้รู้จักรักษาระเบียบวินัย สร้างการรู้รักสามัคคีในหมู่คณะ มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลูกจิตสำนึกการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเกื้อกูลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่จะเสริมสร้างเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ประสบการณ์ทางการลูกเสือเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นลูก รุ่นหลาน ล้วนแล้วแต่เคยมีประสบการณ์กับการลูกเสือไว้แลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน แน่นอนว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป กิจการลูกเสือก็ควรมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือคุณค่าของความเป็นลูกเสือ ที่พร้อมบำเพ็ญประโยชน์และคิดถึงส่วนรวมอยู่เสมอ การลูกเสือไทยจะได้รับการสืบสาน ต่อยอดต่อไป ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกท่าน
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือฯ จะธำรงรักษาคุณความดีที่ได้ปฏิบัติมา รวมพลังทุ่มเทการปฏิบัติภารกิจงานลูกเสือให้สัมฤทธิ์ผล ดังเจตนารมณ์ ตามคำปฏิญาณของลูกเสือ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนลูกเสือรุ่นหลัง ยังประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งนี้นอกจากทุกคนจะได้อุทิศตนปฏิบัติภารกิจของลูกเสือให้เกิดผลสำเร็จอย่างดียิ่งจนเป็นที่ประจักษ์ และได้รับการยกย่องสรรเสริญแล้ว การได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีและเหรียญลูกเสือยั่งยืน จึงเป็นการประกาศคุณความดี เป็นเกียรติประวัติสำหรับตนเองและวงศ์ตระกูล เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกเสือรุ่นหลังสืบต่อไป” นายอนุทินกล่าว
ด้าน พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวว่า ในนามประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือไทย บุคลากรทางการลูกเสือ และผู้ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือ ต้องขอขอบคุณผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี และเหรียญลูกเสือยั่งยืนทุกคน ที่ได้อุทิศตนเพื่อปฏิบัติหน้าที่บังเกิดคุณประโยชน์แก่กิจการลูกเสือ จนเป็นที่ประจักษ์ สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง
ในการนี้ ดร.วรัท ได้นำผู้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือฯ กล่าวทบทวนคำปฏิญาณ ความว่า “ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า ข้อ 1 ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้อ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ”