เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2566 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำไปถวายพระภิกษุสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร (พระอารามหลวง) ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศึกษาธิการ) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนัก, ศึกษาธิการภาค, ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ตลอดจนคณะผู้บริหาร ข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษา ศธ. และประชาชน เข้าร่วมในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน และปวารณาถวายจตุปัจจัย เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในการนี้ รมว.ศึกษาธิการ และคณะผู้บริหารระดับสูง ได้มอบทุนการศึกษา ให้กับนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม (สามัคคีวิทยาทาน), โรงเรียนเมตตาศึกษา, โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และ โรงเรียนสันกำแพง สถานศึกษาละ 10,000 บาท รวม 40,000 บาท และมีผู้มีจิตกุศลร่วมถวายจตุปัจจัย บำรุงและบูรณะพระอาราม ทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2566 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,594,694.23 บาท
จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนเมตตาศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ,วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่, โรงเรียนพุทธิโศภน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) และตรวจเยี่ยมโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน โดย รมว.ศึกษาธิการได้ประชุมมอบนโยบายการศึกษาและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย”เรียนดี มีความสุข”ให้กับผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คน ที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ สถานศึกษาและหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเสนอนิทรรศการ และรายงานการปฏิบัติงานในรูปแบบของนิทรรศการออนไลน์เป็นครั้งแรก ซึ่งตนก็ขอชื่นชมและเป็นนิมิตรหมายอันดีในการทำสื่อการเรียนการสอนเพื่อตอบโจทย์นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ Anywhere Anytime ที่นำเสนอนิทรรศการบนโลกออนไลน์ เพราะที่ผ่านมาเวลาตนไปเปิดงานจะมีการแสดงนิทรรศการแล้วดูไม่ทัน แต่วันนี้จังหวัดเชียงใหม่สามารถตอบโจทย์ได้ ซึ่งเมื่อเข้าใจหลักการและวิธีการทำงานแล้ว คิดว่าจังหวัดอื่น ๆ หน่วยงานต่าง ๆ น่าจะนำไปปรับใช้ โดยทำสื่อแบบอื่น ๆ ที่เข้าใจง่าย ๆ ก็ได้ หรือทำเป็นสื่อ 3D ก็ได้ แล้วแต่สถานการณ์และบริบทของพื้นที่ ซึ่งตนมองว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น โดยผู้บริหารอาจให้แนวคิด หรือแนวทางมอบให้ครู หรือบุคลากร หรือนักเรียนไปทำ ถูก ผิด ไม่เป็นไร เชื่อว่าขอแค่ได้ลองทำก็จะเป็นประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี เป็นการเรียนแบบ Learning by Doing ซึ่งอยากให้ทุกหน่วยงานนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำงานและบริหารจัดการองค์กร อย่างไรก็ตาม ขอฝากปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการกพฐ.เลขาธิการสภาการศึกษา และเลขาธิการอาชีวศึกษา ไปคิดต่อยอด ให้ขยายผลเป็น Anywhere Anytime เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า อีกเรื่องที่อยากขอความร่วมมือคือ อยากให้การเรียนลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด มีชีวิตชีวามากขึ้น โดยในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่ง เป็น “วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” “วันวชิราวุธ” หรือ “วันลูกเสือไทย” โดยอยากให้น้อง ๆ ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ไปศึกษาว่าวันดังกล่าวมีความสำคัญอย่างไร แล้วออกมาทำกิจกรรม วางพวงมาลา เพราะ ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด รุ่นใหม่เหล่านี้เป็นความหวังของประเทศชาติ เชื่อว่าถ้าได้ออกมาทำกิจกรรมแล้วความเป็นลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด จะเกิดขึ้น ความเป็นชาติจะมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองคำปฏิญาณตนของลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ที่ว่า “ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ดังนั้นขอให้ช่วยกันดำเนินการในเรื่องนี้
“ในเรื่องของนโยบาย ‘เรียนดี มีความสุข’ จากที่ลงตรวจเยี่ยมโรงเรียนวันนี้ โดยเฉพาะที่โรงเรียนพุทธิโศภน เด็กนักเรียนชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งนี้เก่งมาก มีความมั่นใจ มีความเป็นผู้ใหญ่ สามารถสื่อสารได้เข้าใจ และที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยที่ใช้ Ipad ในการเรียนการสอน ทำให้รู้ว่านโยบาย Anywhere Anytime ที่เรากำลังจะทำล้าหลังไปเลย เพราะโรงเรียนนี้ทำมาหลายปีแล้ว ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป ตอนนี้ใครจะมาต่อว่าผมยังไงก็จะสู้แล้ว เพราะนโยบายที่คิดมาเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาในการขับเคลื่อนการเรียนการสอนแบบ Smart Education โดยจะทำแบบค่อย ๆ พัฒนา เพราะต้องเข้าใจว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว เพราะฉะนั้นผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกคน ตามแนวทางการทำงาน ‘จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน’ที่จะช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเพื่อประโยชน์ของการศึกษาไทย”รมว.ศึกษาธิการกล่าว