วันที่ 1 พ.ย.2566 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยกรณีที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ว่ามีคณะครูโรงเรียนแห่งหนึ่งนำเงินค่าจัดค่ายลูกเสือของนักเรียน เงินเบิกเด็กต่างด้าว รวมถึงเงินสะสมในคลังโรงเรียน ไปซื้อทัวร์เพื่อท่องเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก และ สพฐ. ได้ออกมาชี้แจงพร้อมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด พบว่า คณะครูดังกล่าวได้รับสารภาพว่าได้ขออนุญาตลากิจส่วนตัวเพื่อเดินทางไปประเทศเวียดนามโดยไม่ได้มีการขออนุญาตไปต่างประเทศในระหว่างการลากิจส่วนตัวแต่อย่างใด เป็นความผิดวินัยฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาลโดยถือประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนและไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 โดยนิติกร สพฐ.ผู้มีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงได้บันทึกถ้อยคำรับสารภาพตามบันทึกการสืบสวนข้อเท็จจริง ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ ความผิดดังกล่าวเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามข้อ 1 (2) แห่งกฎหมายคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. 2549 ซึ่งผู้บังคับบัญชา(ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา)จะดำเนินการทางวินัย โดยให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือน และนำเสนอขอความเห็นชอบต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ต่อไป
รองเลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีการนำเงินของโรงเรียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศนั้น คณะครูได้ให้การว่า การเดินทางไปต่างประเทศดังกล่าวเป็นการไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในต่างประเทศโดยใช้เงินทุนส่วนตัว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณของ สพฐ. แต่อย่างใด โดยการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่ากรณีนี้มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ก็จะดำเนินการทางวินัยต่อไป ตามมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 โดยคณะกรรมการสืบสวนฯได้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
.“ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งการฝ่ายนิติกร สพฐ.ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการตามระเบียบราชการฯ หากพบการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามกระบวนการทางวินัยต่อไป ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียน รวมถึงสาธารณชน ได้วางใจว่าเราจะดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะแจ้งผลความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบโดยเร็ว” โฆษก สพฐ. กล่าว