เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศึกษาธิการ)เปิดเผยถึง การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา จำนวน 5 ชุด เพื่อดำเนินการตามแผนงานนโยบายการศึกษาของ ศธ. ได้แก่ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการศึกษา “เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) จัดทำแพลตฟอร์ม และพัฒนาระบบแนะแนวการเรียน (coaching) และเป้าหมายชีวิต โดยมี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) และส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn) โดยมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการจัดทำระบบการวัดผล เทียบระดับการศึกษา ประเมินผลการศึกษา และธนาคารเครดิตแห่งชาติ โดยมี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษา โดยมี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานไปแล้ว 4 คณะ เหลืออีก 1 คณะ คือ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่รอให้ต้นสังกัดหรือเจ้าตัวซึ่งเป็นคนนอก ศธ.เชิญให้มาร่วมเป็นคณะทำงานตอบกลับมา จึงจะออกคำสั่งตั้งคณะทำงานได้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการดำเนินงานของคณะทำงานชุดต่าง ๆ พบว่า ทุกคณะที่ตั้งขึ้นมาแล้วได้เดินหน้าขับเคลื่อนงานไปแล้ว เพราะทุกคนทราบดีว่างานทุกงานต้องเดินหน้า รอไม่ได้ ส่วนเรื่องที่เป็นนโยบายรัฐบาล คือ ซอฟท์พาวเวอร์ ทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ก็ได้ขับเคลื่อนไปแล้ว เช่น เรื่องของอาหาร สอศ.ได้ไปประสานกับร้านอาหารชื่อดัง อย่างร้าน “บ้านนวล” เพื่อมาร่วมเป็นวิทยากรให้ เพียงแต่ยังไม่ได้ตั้งคณะทำงาน เพราะต้องรอสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่จะเชิญมาเป็นคณะทำงาน หรือต้องรอความเห็นจากคณะกรรมการซอฟท์พาวเวอร์ชุดใหญ่ก่อน
“ยอมรับว่า การทำงานด้านการศึกษาจะไม่เห็นผลทันตาเหมือนงานด้านอื่น ๆ กรุงโรมไม่ได้สร้างเพียงวันเดียว ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ตามคณะทำงานคณะต่าง ๆ ได้เดินหน้าทำงานไปก่อนแล้ว โดยมีปฏิทินการทำงานที่ชัดเจน”พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าว