เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา จำนวน 5 ชุด เพื่อดำเนินการตามแผนงานนโยบายการศึกษาของ ศธ. หนึ่งในนั้น มีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีตนเป็นประธาน จากนี้จะต้องเร่งแต่งตั้งกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วย อดีตข้าราชการศธ. ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารองค์กรหลักหรือผู้แทนในแต่ละองค์กร ผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ฯลฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู อย่างไรก็ตาม การทำงานจะนำข้อมูลการแก้ปัญหาหนี้สินครู ที่ดำเนินการไว้แล้วในช่วงที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เป็น รมว.ศึกษาธิการ มาปรับปรุงและพัฒนาวิธีการแก้ปัญหาต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จได้มากที่สุด
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มี เลขาธิการสกสค. ตัวจริง ซึ่งยอมรับว่า ทำให้องค์กรมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ ดังนั้น คิดว่าเร็ว ๆ นี้น่าจะต้องเดินหน้าเรื่องการสรรหาเลขาธิการสกสค.ตัวจริงเข้ามาทำงานให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งไม่ใช่แค่เลขาธิการสกสค.เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อำนวยการองค์การค้า สกสค. และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) ที่ยังไม่มีผู้บริหารตัวจริงมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจเยี่ยมหน่วยงานในกำกับทั้ง สกสค. สมศ. และองค์การค้า ของสกสค. ก็มีเสียงสะท้อนจากผู้บริหารองค์กร ว่า การไม่มีผู้บริหารองค์กรตัวจริง ค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการทำงาน ดังนั้นจึงอยากให้เร่งดำเนินการสรรหาผู้บริหารในองค์กรเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งพล.ต.อ.เพิ่มพูน เองก็ย้ำเสมอว่า เรื่องใดที่เป็นปัญหาในการทำงานขององค์กร ก็ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งบางเรื่องตนก็ไม่เข้าใจ อย่างเช่น การสรรหาผู้อำนวยการสมศ. ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงปล่อยให้ค้างคามานานขนาดนั้น ดังนั้นคงต้องเข้าไปดูและดำเนินการให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมถึง เลขาธิการสกสค.ตัวจริง เพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู และองค์การค้า ของสกสค. ก็น่าจะดำเนินการต่อเนื่องทันที
