เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2566 นายคมกฤช จันทร์ขจร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งแต่งตั้งตนให้รักษาราชการแทนอธิบดีสกร. ซึ่งจากนี้ตนจะหารือกับ ผู้บริหารสกร. เพื่อจัดทำนโยบายการดำเนินการ ซึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่าน คงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับบุคคลกร เพราะการทำงาของสกร.ต่อนี้ไปจะแตกต่างไปจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เดิม ที่เน้นในเรื่องส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ สกร.จะเพิ่มในเรื่อง การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ ที่เรียกว่า การจัดการเรียนรู้ ซึ่งมองที่ผลลัพธ์ที่ประชาชนจะได้รับ มากกว่า การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามรูปแบบเดิม ตรงนี้เป็นเป้าหมายใหม่ อีกเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ สร้างกระบวนการเทียบโอนความรู้ของประชาชน เข้าสู่ระบบหน่วยกิต เพื่อเปิดช่องให้ผู้ที่มีความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ สามารถนำมาเทียบโอน เข้าสู่ระบบการศึกษาได้
รักษาราชการอธิบดี สกร. กล่าวต่อไปว่า การทำงานของสกร.ขณะนี้ อยู่ในช่วงการถ่ายโอนทรัพย์สิน และหนี้สิน เบื้องต้นจะใช้โครงสร้างกศน. เดิมไปพลางก่อน จากนั้นจะต้องจัดทำกฎกระทรวง ว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการ ให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 และวิเคราะห์ภารกิจ ตามโครงสร้างแต่ละระดับ เพื่อเสนอให้ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โดยกระบวนการทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลา ประมาณ 180 วัน หรือ 6 เดือน จึงแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม การทำงานในช่วงนี้ ยังไม่พบปัญหา ส่วนงบประมาณที่ระงับไว้ ก็ไม่ใช่งบในส่วนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาการจัดการศึกษา โดยสกร. ยังสามารถจัดสรรงบปกติลงไปยัง สกร.จังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบล ได้ตามปกติ
“เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีถูกกล่าวหา เรื่อง การจัดสรรงบประมาณให้สำนักงาน กศน.กทม. จำนวน 60 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงาน กศน.กทม.และสำนักงาน กศน.เขต จัดซื้อสื่อจากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ตามที่กำหนด รวมถึงให้ซื้อสื่อจากสำนักพิมพ์ที่สามารถเรียกเก็บเงินทอน 65% โดยอ้างว่า จำเป็นต้องส่งให้รัฐมนตรี เพื่อให้ได้เป็นอธิบดีสกร. และเรียกรับเงินจากการแต่งตั้งผู้อำนวยการ กศน.จังหวัด/รองผู้อำนวยการ กศน.จังหวัดและตำแหน่งอื่น ๆ รวมถึงการเรียกรับเงินจากผู้เขียนตำราในการตรวจตำราของกศน.เป็นต้น นั้น เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบกระบวนการและขั้นตอนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในส่วนที่มีการแปลงงบประมาณ การจัดกิจกรรม เพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้อหนังสือเรียนนั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ผมนั่งในตำแหน่งรักษาราชการแทนเลขาธิการกศน. และงบประมาณดังกล่าว ก็ยังไม่มีการนำไปใช้ เมื่อมีการทักท้วง ผมก็จะหารือผู้บังคับบัญชาและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำงบดังกล่าวไปใช้ให้ถูกต้อง โดยจะเสนอให้มีการนำงบประมาณดังกล่าว ไปใช้จัดกิจกรรมที่สอดคล้องตามนโยบายที่จะจัดทำขึ้น เช่น ส่งเสริมการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาครู การจัดระบบการเทียบโอนความรู้ใหม่ ฯลฯ เป็นต้น”รักษาราชการอธิบดีสกร.กล่าว