เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวในการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ทั่วประเทศ ผ่านรายการพุธเช้า ข่าว สพฐ. ครั้งที่ 19/2566 ว่า ตามที่ สพฐ.มอบหมายภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ทั่วประเทศเตรียมความพร้อมเรื่องการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2566 นี้ ซึ่งจากการติดตาม พบว่า เขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนมีการขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมตามนโยบายที่ให้ไว้ แต่ก็ขอย้ำให้ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครู ให้ความใส่ใจสอดส่องดูแลนักเรียนที่ไม่มีความพร้อม หรือเด็กที่มีปัญหา โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมสัปดาห์แรกที่ไม่อยากให้เน้นเรื่องการจัดการเรียนการสอนทันที แต่ขอให้เน้นมิติด้านจิตใจ ชีวิตความเป็นอยู่ การสร้างความเข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูนักเรียน เพื่อนกับเพื่อน เพื่อให้เด็กสามารถเรียนอย่างมีความสุข สามารถรู้ข้อมูลส่วนตัวนักเรียน เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที จากนั้นจึงค่อยประเมินด้านความรู้ความสามารถ และจัดการเรียนรู้คู่ขนานกันไป
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังย้ำเรื่องการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ซึ่งตนได้ลงนามในประกาศรับสมัครไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยจะเริ่มประกาศรับสมัคร ภายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 รับสมัครวันที่ 31 พฤษภาคม-วันที่ 6 มิถุนายน สอบข้อเขียน ภาค ก วันที่ 24 มิถุนายน ภาค ข วันที่ 25 มิถุนายน ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านภาค ก และ ข ภายในวันที่ 3 กรกฎาคม สอบภาค ค ประเมินจากการสัมภาษณ์ แฟ้มสะสมงาน และการนำเสนอที่แสดงถึงทักษะและศักยภาพด้านการเรียนการสอน ตามวันและเวลาที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ หรือ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.)กำหนด เพื่อให้สามารถบรรจุแต่งตั้งครูให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม นี้
“ผมขอฝากถึงผู้ที่เตรียมตัวจะสอบครูผู้ช่วย ไม่ต้องวิตกกังวลว่า เขตพื้นที่ฯใดจะประกาศรับสมัคร จำนวนเท่าไร และอยากย้ำว่า ไม่ต้องไปวิ่งเต้น หาเส้นสายที่ไหน เพราะมีเพียงตัวผู้เข้าสอบและความรู้ความสามารถที่มีเท่านั้นที่จะช่วยให้เป็นครูได้ รวมถึงจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกสอบในเขตพื้นที่ฯใด เพราะสามารถเลือกสอบได้เพียง 1 แห่งเท่านั้น นอกจากนั้นต้องเตรียมเอกสารประกอบการรับสมัครให้พร้อม เพราะจากการจัดสอบหลายครั้งจะพบปัญหา ผู้เข้าสอบเตรียมเอกสารการสมัครไม่ครบ โดยเฉพาะเอกสารบางอย่างที่ต้องใช้เวลา เช่น ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เป็นต้น ซึ่งผมได้ทำหนังสือประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้อำนวยความสะดวกกับผู้ที่จะสมัครสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้ ขอให้รีบดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด จนสุดท้ายต้องเสียสิทธิในการสมัครสอบ”ดร.อัมพรกล่าวและว่า ทั้งนี้ขอย้ำ สพท. และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ว่า การสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้ เป็นการบริหารงานบุคคลงานแรกที่ได้รับกลับคืนมา ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ท้าทาย เพราะฉะนั้น สพท.จะต้องเริ่มสำรวจว่า แต่ละเขตมีความจำเป็นและมีแผนงานบริหารบุคคลอย่างไร ทั้งในปี2566 และปี 2567 โดยจะต้องดูข้อมูลปัญหาขาดแคลนครูในแต่ละสาขาวิชาเอง เพื่อแบ่งสัดส่วนว่า จะรับย้าย และบรรจุแต่งตั้งใหม่ จำนวนเท่าไร เพื่อเสนอขออนุมัติการกำหนดตำแหน่งว่างที่จะสอบแข่งขัน ต่ออ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ก่อนที่จะออกประกาศรับสมัครในวันที่ 24 พฤษภาคม จากนั้นต้องทำแผนการขับเคลื่อนงานตั้งแต่วันที่ประกาศรับสมัคร ไปจนถึงวันที่รายงานตัว เพื่อให้การจัดสอบครั้งนี้ เป็นไปบนพื้นฐานความมีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวด้วยว่า สพฐ.มีความเชื่อมั่นสถาบันการศึกษาที่ผลิตครูทุกสถาบัน ว่า สามารถผลิตครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากอัตรารับมีจำกัด จึงต้องเปิดสอบเพื่อคัดกรองผู้ที่มีศักยภาพมาเป็นครูก่อน หลังจากนี้จะมีการเปิดสอบครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ (ว16) ที่จะเปิดรับกลุ่มลูกจ้าง หรือ ครูอัตราจ้างที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และปฏิบัติการสอนอยู่แล้วให้ได้มีโอกาสก้าวหน้า สามารถสอบบรรจุแต่งตั้งเป็นครูได้ ส่วนบัญชีเดิมที่ยังมีอยู่และยังไม่หมดอายุได้คืนอัตราตำแหน่งบัญชีที่ยังไม่หมดอายุไปให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)เขต 1 ของทุกจังหวัด เป็นผู้ดูแล ส่วนมัธยมฯส่งคืนให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)เป็นผู้ดูแล หากเขตพื้นที่ฯ ใดยังมีบัญชีค้างไม่ประสงค์จะดำเนินการจัดสอบ ก็สามารถใช้บัญชีที่ค้างอยู่เดิมได้ หรือจัดสอบเฉพาะสาขาที่ตนไม่มีและขาดแคลนได้
ดร.อัมพร กล่าวด้วยว่า สำหรับวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นในช่วงสัปดาห์นี้ถือเป็นโค้งสุดท้าย จึงขอย้ำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนวางตัวเป็นกลาง ในฐานะข้าราชการจะฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ รวมถึงการอนุมัติใช้สถานที่ราชการจะต้องเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนด ถ้าอนุญาตให้พรรคการเมืองใดใช้สถานที่ก็จะต้องอนุญาตให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้สถานที่ได้ด้วยเพื่อความเป็นกลาง และสุดท้ายคือการใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นสิทธิเฉพาะตัวบุคคล ขอให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหน่วยที่มีชื่ออยู่ ขอเชิญชวนให้ข้าราชการครูและบุคาลกรทางการศึกษา รวมถึงประชาชนทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มาก ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม