เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการรายงานจำนวนนักเรียนเพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนไม่มีตัวต้นจริงในห้องเรียน หรือเด็กผี ซึ่งขณะนี้พบข้อมูลตัวเลขเด็กไม่มีตัวตนในจังหวัดชัยภูมิ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ล่าสุดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)เขต3 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในจังหวัดนครราชสีมา พบไม่ต่ำกว่า 10 โรงเรียน มีการใส่ชื่อนักเรียนที่ไม่มีตัวตนหรือเด็ก เข้าไปในบัญชีรายชื่อ เพื่อเป็นการอัพเกรดจากโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนไม่เกิน 500 คน ให้เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนมากกว่า 500-1,499 คน คาดว่า เป็นการหวังผลในการโยกย้ายจากผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก ไปอยู่โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อมูล จำนวนนักเรียนทั่วประเทศแล้ว และให้โรงเรียนเร่งดำเนินการจำหน่ายนักเรียนให้ตรงกับความเป็นจริงหรือหากจำหน่ายไม่ได้ก็จะต้องมีข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง หากไม่สามารถจำหน่ายได้ ให้ขึ้นบัญชีว่าอยู่ระหว่างดำเนินการต่อตาม และจะใช้ข้อมูลนักเรียนที่มีตัวตนจริงเท่านั้น ในการบริหารงบประมาณ
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว จากนั้นวันที่ 3 ธันวาคม 2561 ซึ่งทุกโรงเรียนจะต้องเคลียร์ข้อมูลให้ได้และรายงานข้อมูลจำนวนนักเรียนที่ตรงกับระบบข้อมูลรายบุคคลหรือDMCของ สพฐ.เข้ามาภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2561โดยจำแนกนักเรียนที่มีตัวตนจริง เพื่อขอรับงบประมาณ และจำนวนนักเรียนที่ยังไม่ประสงค์ขอรับงบฯ เนื่องจากไม่มีตัวตนและยังไม่สามารถจำหน่ายออกจากทะเบียนได้ เช่น ไปเรียนที่อื่นแล้วไม่มาลาออก ทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินการระยะสั้น ส่วนระยะยาวต้องมีการแก้ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยทะเบียนนักเรียนพ.ศ. 2535 ซึ่งใช้มาค่อนข้างนาน เพื่อให้โรงเรียนสามารถดำเนินการได้จริง และเหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การรายงานข้อมูลเท็จต่อทางราชการ ถือว่ามีความผิด ส่วนโทษทางวินัยจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) พิจารณา ซึ่งมีหลักเกณฑ์กลางในการพิจารณาโทษอยู่แล้ว