ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานมอบวุฒิบัตรจบการศึกษานักศึกษาชั้นปีที่ 5 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐาน KOSEN จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) จำนวน 19 คน และนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี 13 คน รวมทั้งสิ้น 32 คน โดยมี เรืออากาศโท สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวรายงาน และนายโนบุยูกิ โอโนะ (Mr. Nobuyuki ONO) รองผู้อำนวยการ Nagano college (KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกล่าวแสดงความยินดี ณ โรงแรมตรัง กรุงเทพฯ
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีความร่วมมือกับ National Institute of Technology (สถาบันโคเซ็น) ประเทศญี่ปุ่น โดยได้ลงนามความร่วมมือมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และปี พ.ศ. 2559 สอศ.และสถาบันโคเซ็น ได้ร่วมกันจัดตั้ง สถาบันเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ไทย – ญี่ปุ่นโคเซ็น (Japanese – Thai KOSEN Institute of Engineering and Technology) ณ สอศ. กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนประเภทวิชาอุตสาหกรรมในการสร้างกำลังคนคุณภาพรองรับผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยในปีการศึกษา 2561 ได้เริ่มเปิดรับสมัครนักศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐานโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่นใน 2 สาขาวิชา 2 สถานศึกษา ได้แก่ สาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) และสาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี ทั้งนี้ สอศ.จะสามารถผลิตช่างฝีมือคุณภาพ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีสมรรถนะสูงสอดรับกับโลกในศตวรรษที่ 21 ต่อไป
ด้าน เรืออากาศโท สมพร กล่าวว่า สอศ. ได้จัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐาน โคเซ็น พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาที่สร้างบุคลากรระดับเทคโนโลยี ที่สามารถปฏิบัติงานได้จริง ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เทคโนโลยี การทดลอง และการปฏิบัติจริง พร้อมปูพื้นฐานทฤษฎีชั้นสูงควบคู่กันไป เพื่อผลิตกำลังคนระดับเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ สามารถนำความรู้ ทักษะที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานหรือปฏิบัติงานที่ใช้เทคโนโลยี เทคนิค ควบคุมการทำงาน มีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ และกิจนิสัยที่เหมาะสมในการประกอบอาชีพ ซึ่งนักศึกษาที่จบการศึกษาจะต้องคิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย New Growth Engine และต้องได้รับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและภาษาที่ 3 (ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น) อีกด้วย
