นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ศธ.ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขับเคลื่อนงานด้านการนำกีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษา ตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการส่งเสริมการเรียนการสอนกีฬา ซึ่งก่อนหน้านี้สพฐ. ได้ดำเนินการโครงการ “ห้องเรียนกีฬา”อยู่ก่อนแล้ว แต่การนำกีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษาจะมีการจัดทำหลักสูตรเพิ่มเติม คือ หลักสูตรคีตะมวยไทย ซึ่งจะสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ม.6 ซึ่งหลักสูตรนี้เน้นเรื่องทักษะการออกกำลังกาย โดยใช้ท่ามวยไทยเป็นหลัก สอนมวยแบบศิลปะไม่ใช่สอนให้เด็กนำไปเป็นอาชีพชกมวย ให้ตายไปข้างหนึ่ง เพราะตนไม่เห็นด้วยที่จะเอาเด็กมาชกมวยเพราะมันทำร้ายสมอง เป็นเรื่องที่ไม่ดีด้วย แต่ถ้าเล่นเป็นกีฬาคีตะมวยไทยป้องกันตัว เรียนรู้แบบง่าย ๆจะเป็นประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตามจะสอนอะไรก็ตามก็ต้องมีวิธีป้องกันให้ดีให้เป็นสากล ไม่ใช่มาต่อยกันแบบมวยวัดเป็นอะไรขึ้นมาแก้ไขไม่ได้
ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)กล่าวว่า สพฐ.จะร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการจัดทำหลักสูตรเพื่อนำไปใช้เป็นวิชาเลือก วิชาเพิ่มเติม โดยจะเปิดสอนใน 4 หลักสูตร คือ ฟุตบอล ยิมนาสติก การลอยตัวในน้ำ และมวยไทย โดยเฉพาะมวยไทย สพฐ.จะร่วมกับสมาคมมวยไทยแห่งประเทศไทย มาฝึกในรูปแบบคีตะมวยไทย จะเน้นทักษะมาประยุกต์กับการออกกำลังกาย และเอาดนตรีมาประกอบจังหวะการไหว้ครู ซึ่งจะเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักวัฒนธรรมของไทยด้วย จะไม่เน้นในเรื่องของการปะทะกัน หรือชกเอาแพ้เอาชนะ จะเน้นให้เด็กออกกำลังกายและรักษาศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทย
เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนการสอนกีฬายิมนาสติก ก็จะเน้นการยืดหยุ่นร่างกาย และการสอนการลอยตัวในน้ำ ก็เพื่อให้เด็กรู้จักการเอาตัวรอด สำหรับกีฬาฟุตบอลก็จะมีการพัฒนาโค้ชให้เป็นสากล แต่หลักสูตรเหล่านี้จะไม่ให้เด็กเล่นตามลำพัง เพราะจะมีการฝึกร่วมกับวิทยากร เช่นการลอยตัวในน้ำก็จะมีวิทยากรแกนนำไปฝึกกับชมรมว่ายน้ำไลฟ์สไตล์ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมีวิทยากรกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถสอนการลอยตัวได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ จะมีการส่งเสริมการเล่นกีฬาสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเปิดพื้นที่โรงเรียนให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สนามกีฬาของโรงเรียน โดยขณะนี้พบว่ามีสถานศึกษามากกว่า 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่พร้อมให้ประชาชนเข้าใช้บริการ รวมถึงการสนับสนุนให้ประชาชนใช้อุปกรณ์กีฬาของโรงเรียนได้ด้วย และตอนนี้ก็มีบุคคลที่มีความพร้อมสมัครเข้ามาเป็นโค้ชจิตอาสามากกว่า 7 หมื่นคนแล้ว โดยมีบุคคลที่สังกัดสพฐ.5 หมื่นคน และประชาชนภายนอกกว่า 2 หมื่นคน และช่วงนี้ เป็นการแข่งขันกีฬานักเรียนระดับชาติ เพื่อคัดเลือกเด็กนักเรียนทั่วประเทศเข้าสู่การแข่งขัน สพฐ. เกมส์ ด้วย