เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 นางสาวตรีนุช เทียนทองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม กพฐ.สัญจร ที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 5-7 มกราคม 2566 ว่า ถือเป็นนัดแรกของการประชุม กพฐ.สัญจร หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)ได้ลงพื้นที่ดูสภาพจริง เพราะบอร์ด กพฐ.มีความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้นการได้ลงพื้นที่ทำให้บอร์ด กพฐ.ได้เห็นสภาพพื้นที่ สภาพบริบท การจัดการศึกษาที่มีความหลากหลาย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้มุ่งเน้น เรื่องของคุณภาพในมิติของคนบุคลากร การพัฒนาผู้บริหารและครู การจัดกระบวนการประเมินเรื่องคุณภาพที่มีความหลากหลาย เพราะในมิติ ความต้องการของพื้นที่มีบริบทไม่เหมือนกัน ความต้องการก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการประเมินก็ต้องมีช่องทางที่หลากหลายเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของพื้นที่และสภาพความเป็นจริง
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ตนได้ให้นโยบายเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องยอมรับว่าในสภาพพื้นที่ที่มีความหลากหลายและห่างไกล ต้องการการขับเคลื่อนมากขึ้นเพื่อให้เทคโนโลยีเป็นสื่อในการพัฒนาครูหรือกระบวนการเรียนการสอน เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาโดยตลอด ก็คือ เรื่องความปลอดภัยที่โรงเรียนจะต้องสร้างเครือข่ายให้มากขึ้นเพื่อให้โรงเรียนมีเกราะป้องกันในการให้ครูและเด็ก ๆ ปลอดภัยที่สุด
นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ก็เพื่อมาดูเรื่องการสาธารณสุข ซึ่งพบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ทำได้ดีมีการตรวจสุขภาพเด็ก มีการตรวจวัดสายตา วัดส่วนสูง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เห็นพัฒนาการของเด็กแต่ละคนด้วย
ด้าน ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน จังหวัดเชียงราย พบว่า ในเรื่องของทักษะอาชีพเด็กได้รับการดูแลให้ได้ลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งเด็กมีความสุขกับการได้ขายของและการลงมือทำด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการวางระบบออมเงินเป็นการฝึกวินัยทางการเงินให้เด็ก ๆ ด้วย ซึ่งถือเป็นการจัดการเรียนรู้ได้อย่างครบวงจร ส่วนเรื่องของอาชีพที่เกี่ยวกับอาหารโภชนาการก็มีการดูแลให้ความรู้อย่างดี เด็กสามารถผลิตอาหารได้หลายประเภทและยังมีอาชีพอื่นที่น่าสนใจอีกมาก ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโรงเรียนที่ได้ทุ่มเทให้กับเด็ก
“นอกจากนี้โรงเรียนยังมีการประเมินศักยภาพของเด็กเป็นรายบุคคลใครที่ไม่ถนัดเรื่องงานอาชีพแต่ต้องการเน้นเรื่องสายสามัญทางโรงเรียนก็มีการส่งเสริม เช่น บางคนต้องการเรียนแพทย์ก็มีการเติมให้เป็นรายบุคคล แต่ทั้งนี้เด็กจะต้องมีทั้งทักษะอาชีพทักษะชีวิต และทักษะวิชาการ เพื่อนำไปสู่สิ่งที่เด็กถนัดและสนใจจริงๆ“รองเลขาธิการกพฐ.กล่าวและว่า สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน คือ การชูอัตลักษณ์ของโรงเรียนด้วยกันปลูกฝังเรื่องความกตัญญู คุณธรรม ศีลธรรม ซึ่งจะทำให้เด็กเป็นเด็กเก่ง ดี และมีความสุข