จากเหตุนักเรียนโรงเรียนวัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทำปืนลั่นเป็นเหตุให้มีนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย นั้น เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อมูลเข้ามาหลายทาง จึงต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน แต่ตนได้มอบหมายให้ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ลงพื้นที่โรงเรียนวัดลาดปลาดุก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน และ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมถึงประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เกิดความชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ตนให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทุกมิติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ซึ่งคงต้องถอดบทเรียน โดยไปดูว่า ควรต้องระมัดระวังเรื่องใดในบริบทใดต่อไป รวมอาจจะต้องมีมาตรการแนวทางในการดูแลที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในโรงเรียนที่มีความเสี่ยง
“ ศธ.มีความห่วงใยเรื่องความปลอดภัย แต่ต้องรอข้อมูลที่ชัดเจน เพราะข้อมูลมาจากหลายทาง เชื่อว่าโรงเรียนไม่ได้มีเจตนาปกปิดข้อมูล เพราะฉะนั้นยังไม่อยากพูดอะไรมาก อยากให้ข้อมูลชัดเจนก่อน โดยเฉพาะข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะได้สามารถดำเนินการได้รอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ขอทาง สพฐ. ลงไปดูแลและเยียวยากับครอบครัวผู้สูญเสีย” น.ส.ตรีนุช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องหามาตรการป้องกันนักเรียนนำอาวุธเข้าไปในโรงเรียนอย่างไร รมว.ศธ.กล่าวว่า ยืนยันว่า ศธ. ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย แต่โรงเรียน 3 หมื่นกว่าโรงเรียนมีบริบทในเรื่องความปลอดภัยแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแต่ละแห่งก็ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยในบริบทของตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง อาจต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเข้าไปให้เข้มข้นมากขึ้น เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ด้าน ดร.อัมพร กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ แล้วทางโทรศัพท์ แต่จะลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงด้วยตัวเองอีกครั้ง เบื้องต้นทางผู้อำนวยการโรงเรียน ให้ข้อมูลว่า เหตุที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุ โดยเป็นการสื่อสารระหว่างครู กับนักเรียนว่า เกิดจากคอมพิวเตอร์ระเบิด เนื่องจากเวลานั้นไม่มีใครเห็นปืน มาเจอปืนอีกทีก็ตอนที่งมขึ้นมาจากน้ำ ส่วนเหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร ต้องรอการสืบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดเองได้ ต้องให้กองพิสูจน์หลักฐาน เป็นผู้ตรวจสอบ ยืนยันว่า ทางโรงเรียนไม่ได้ปกปิดข้อมูล เพราะโลกปัจจุบันเชื่อว่าไม่มีใครปกปิดได้ โดยเท่าที่ฟังรายงานเบื้องต้น ทันทีที่เกิดเหตุ เด็กเป็นคนบอกครูว่า คอมพิวเตอร์ระเบิด ครูจึงไปแจ้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนรับทราบ และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องรอความชัดเจน
“ส่วนต้องมีการตรวจการพกพาอาวุธเข้ามาในโรงเรียนให้เข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น คงต้องบอกว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย และปืนที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นปืนประดิษฐ์ ซึ่งเท่าที่ดูจากหลายเหตุการณ์บ้านเราหาปืนได้ง่ายมาก ดังนั้นต้องมีมาตรการ เฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมเด็ก ว่า มีความเสี่ยงแค่ไหน อย่างไร ถ้าเรามีเป้าหมายในการดูพฤติกรรมความเสี่ยงของบุคคลได้ ก็จะทำให้เหตุการณ์ลักษณะนี้ลดลงได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เด็กต้องเรียนออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 เด็กต่างคน ต่างอยู่ พอได้มาอยู่รวมกัน ก็อาจจะมีมิติทางสังคมเกิดขึ้น เรื่องกายใจ ของนักเรียนเริ่มมีปัญหา นำมาสู่การตัดสินใจที่อาจจะผิดพลาด เพราะความที่ไม่ได้คลุกคลีกันมาตลอด 2 ปี ซึ่ง สพฐ. จะทำความร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต เพื่อดูแลเรื่องนี้ต่อไป”เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า ส่วนทางผู้อำนวยการโรงเรียนหรือครูที่ดูแล จะมีความผิดหรือไม่นั้น แน่นอนว่า เรื่องนี้ทางโรงเรียนต้องรับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว แต่ต้องไปดูว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทแค่ไหนอย่างไร หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงก่อน จึงจะสามารถชี้ได้ว่า จะทำอย่างไรต่อไป
