เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า จากการชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 นั้น ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้จัดทำคำเสนอของบประมาณไปกว่า 23,000 ล้านบาท ถูกตัดไปประมาณ 150 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของงบโครงการที่ไม่มีความจำเป็นหรืองบฯที่สามารถชะลอได้ ไม่เร่งด่วน เช่น งบอบรมสัมมนาต่าง ๆ เป็นต้น
“ภาพรวมงบฯ สอศ.ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา โดยไปเพิ่มในส่วนของงบฯตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่เป็นค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปี 1 สอศ. ในสถานศึกษาของรัฐ 429 แห่ง และสถานศึกษาอาชีวะของเอกชน 445 แห่ง ครอบคลุมผู้เรียนกว่า 1 แสนคน งบฯสร้างบ้านพักครูอาชีวะ และงบอุดหนุนอาชีวศึกษาเอกชน ส่วนงบดำเนินงานต่าง ๆ ได้รับตามปกติ ไม่ได้มีผลกระทบยังสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า สำหรับงบอุดหนุนรายหัวนั้น สอศ.ขอไปตามฐานข้อมูลจำนวนเด็กเข้าเรียน ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ซึ่งหากมีจำนวนนักเรียน นักศึกษาเพิ่มขึ้น สำนักงบประมาณก็เปิดช่องให้สามารถจัดทำคำข้องบประมาณเพิ่มเติมได้ในภายหลัง
ดร.สุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับงบพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวะเอกชน จะดูในเรื่องการพัฒนาคุณภาพโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน โดยใช้กลไกภาครัฐเข้าไปดูแลเพี่อไม่ให้ติดขัดเรื่องระเบียบข้อปฏิบัติหรือข้อกฎหมายที่ไม่สามรถดำเนินการได้โดยตรง ทั้งเรื่องการพัฒนาครู จะมีการแบ่งโควตาให้คัดเลือกครูอาชีวะเอกชนเข้าพัฒนาการจัดการศึกษาร่วมกับภาครัฐ รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะเปิดให้อาชีวะเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตามส่วนตัวอยากให้อาชีวศึกษาเอกชนอยู่กับสอศ. ต่อไป เพื่อให้การจัดการอาชีวศึกษาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ขณะนี้จะยังมีข้อเรียกร้องขอกลับไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพราะมองว่ายังไม่เบ็ดเสร็จเรื่องข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องกองทุนสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนซึ่งยังอยู่ที่ สช. แต่อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันก็มีทั้งกลุ่มที่อยากอยู่กับสอศ.ต่อไป