เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ว่า ตนได้ติดตามการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของ ศธ. โดยเฉพาะโครงการพาน้องกลับมาเรียน ที่ยังมีเวลาในการติดตามเด็กตกหล่นและหลุดจากระบบการศึกษาให้เข้ามาเรียนได้อีก ก่อนที่โรงเรียนสรุปการรับนักเรียนที่มีอยู่จริงในวันที่ 10 มิถุนายน โดยเน้นย้ำว่าการตามน้องกลับมาเรียนในระดับภูมิภาค ควรต้องทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ส่วนการรายงานตัวเลขการติดตามเด็กที่ตกหล่นและหลุดจากระบบการศึกษาแล้วกลับเข้ามาเรียนนั้น ควรรายงานตัวเลขในระดับจังหวัดด้วย เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
“นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำว่า ขณะนี้เราเปิดเรียนในรูปแบบOnsiteแล้ว เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเปิดเรียนแล้วจะมีปัญหาความปลอดภัยเข้ามาหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับตัวของนักเรียนที่จะต้องปรับตัวเข้าสู่ระบบการศึกษาเต็มรูปแบบ และให้องค์กรหลักไปดูว่าหลังจากที่ตั้ง MOE Safety Center แล้ว มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง และจะปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้างเพื่อให้เกิดความสะดวกกับผู้ใช้บริการมากขึ้น ทั้งนี้อยากให้องค์กรหลักกำชับหน่วยงานระดับภูมิภาคเตรียมพร้อมและดูแลความปลอดภัยทางร่างกายและจิตใจของเด็ก มาตรการป้องกันการแพร่ของโควิด-19 ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในพื้นที่ หน่วยงานระดับภูมิภาคต้องลงพื้นที่ติดตามอย่างรวดเร็วด้วย”รมว.ศธ.กล่าว
ผู้สื่อข่าว ถามว่าถึงกรณีที่รัฐบาลสะท้อนว่าการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.มีความยังล่าช้าอยู่ น่าจะมาจากการทำงานขององค์กรหลักที่ยังไม่เป็นในทิศทางเดียวกันหรือไม่ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า เนื่องจาก ศธ.มีโครงสร้างที่ใหญ่ มีบุคลากรจำนวนมาก การขับเคลื่อนงานต่างๆ ในระดับพื้นอาจจะขาดการสื่อสาร จนทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน แต่ที่ผ่านมาตนได้กำชับผู้ตรวจราชการ ศธ.ให้กำกับติดตามสร้างความเข้าใจนโยบายต่างๆของ ศธ.แล้ว นอกจากนี้ ได้กำชับให้องค์กรหลัก กระตุ้นและสื่อสารทำความเข้าใจในระดับภูมิภาคมากขึ้นด้วย และถ้าหน่วยงานในระดับพื้นที่ทำงานบูรณาการร่วมกันอย่างเต็มที่ จะทำให้การขับเคลื่อนงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว