เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ที่วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ลงพื้นที่ติดตามโครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ หรือ อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ โดย น.ส.ตรีนุช ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำและเน้นย้ำจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากในช่วงสถานการศึกษาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ซึ่งมีเด็กนักเรียนได้รับผลกระทบต้องหลุดจากระบบการศึกษา ศธ.ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินโครงการพาน้องกลับมาเรียน โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) นั้น ศธ.ได้มอบให้ทำ โครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ หรือ อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ เพื่อให้เด็กด้อยโอกาสได้กลับเข้ามาเรียนในระบบ โดย สอศ.จัดเตรียมสถานที่ในวิทยาลัยที่มีความพร้อม เพื่อนำร่องโครงการดังกล่าว
รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับปีการศึกษา 2565 เป็นปีแรกของโครงการโดยนำร่องในวิทยาลัยที่มีความพร้อม จำนวน 88 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะรับเด็กยากจน ด้อยโอกาส เข้ามาศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยที่เด็กไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย มีที่พัก มีอาหารให้ฟรี นอกจากนี้ สอศ.ยังได้ร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่หางานให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีรายได้ระหว่างเรียนด้วย สามารถรองรับเด็กเข้าสู่โครงการได้กว่า 5,000 คน โดยระยะแรกพบว่า มีเด็กสนใจเข้าร่วมโครงการถึง 3,600 คน ถือว่าเป็นการตอบรับในเกณฑ์ที่ดี เพราะมีเด็กเข้าโครงการถึงประมาณ 70% แต่ปีนี้ก็ยังจะเปิดรับสมัครเด็กเข้าโครงการต่อไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ และจากการตรวจเยี่ยมวิทยาลัยการอาชีพบางปะกง พบว่า วิทยาลัยมีความพร้อม เพราะอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และมีผู้ประกอบการภาคเอกชนจำนวนมากที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือการจัดการศึกษาได้
“สำหรับการขยายผลโครงการฯ ในปีการศึกษาหน้าได้มอบหมายให้ สอศ.ติดตามและประชาสัมพันธ์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เพื่อแนะนำให้น้อง ๆ ที่สนใจเข้ามาเรียน สร้างงาน สร้างอาชีพในระหว่างเรียนต่อไป ทั้งนี้ ดิฉันได้มอบให้หน่วยงานหลัก รวบรวมข้อมูล และนำเสนอโครงการดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงบประมาณที่จะพัฒนาอาคารสถานที่ และเงินอุดหนุนรายหัว เพื่อที่จะนำมาดำเนินโครงการรองรับเด็กเข้ามาเรียนในปีต่อๆไปด้วย” น.ส.ตรีนุช กล่าว และว่า ทั้งนี้ได้กำชับ สอศ.ด้วยว่า นอกเหนือจากการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ผู้เรียนแล้ว ความปลอดภัยในสถานศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเด็กมาจากหลากหลายที่เข้ามาอยู่ร่วมกัน ดังนั้นต้องดูแลความปลอดภัย อย่างระมัดระวัง รอบคอบและใกล้ชิดเพราะผู้ปกครองได้ให้ความไว้วางใจส่งบุตรหลานมาเรียนกับเราแล้ว