เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะปกป้องศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กว่า 100 คน นำโดย นายณัทชัย ใจเย็น ศธจ.นนทบุรี ในฐานะโฆษกคณะปกป้อง ศธภ.และ ศธจ.เดินทางมายื่นหนังสือเรื่อง ขอความอนุเคราะห์ให้มีสำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดในโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมมอบกุหลาบให้กำลังใจ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายวีระ แข็งกสิการ รองปลัด ศธ. ในฐานะโฆษก ศธ. เป็นผู้รับเรื่องแทน
นายณัทชัย กล่าวว่า คณะทำงานปกป้อง ศธภ.และศธจ. มาให้กำลังใจ รมว.ศธ.ในการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ เพราะมองว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เป็นกฎหมายที่จะทำให้การศึกษาของชาติมีระบบและพัฒนาขึ้นไป ส่วนที่คณะกรรมการธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … พิจารณาลงมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งมีคำสั่งคสช.ที่ 19/2560 เรื่องปฎิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยนั้น พวกตนทราบข่าวและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ตนมั่นใจว่า ศธภ.และศธจ. สามารถจัดการศึกษาภายในจังหวัดให้เป็นเอกภาพและช่วยบูรณาการการศึกษาภายในจังหวัด จะสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาในจังหวัดให้เข้มแข็งขึ้นได้
นายณัทชัย กล่าวว่า คณะปกป้อง ศธภ.และศธจ.ได้ยื่นข้อเสนอถึง รมว.ศธ. ดังนี้ 1.อยากให้ผลักดันพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว 2.บทบาทหน้าที่ของ ศธภ.และศธจ.ที่ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ศธภ.ที่เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาจากส่วนกลางสู่ภาคและจังหวัด ที่ผ่านมามีการกำกับติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ทำให้หน่วยงานในระดับพื้นที่สนองนโยบายได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการรวบรวมและรายงานข้อมูลด้านการศึกษาระดับภาคและจังหวัดไปยังส่วนกลาง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการกำหนดหรือทบทวนทิศทางการดำเนินงานตามนโยบาย
“ ศธจ. เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ ช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างการบริหารจัดการศึกษาของ ศธ.แบบเดิมในส่วนภูมิภาค จากการศึกษาในระดับพื้นที่ที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกันทั้งในเชิงการดำเนินงานและบริหารจัดการ เนื่องจากจังหวัดหนึ่งมีสถานศึกษาทั้งในและนอกสังกัด ศธ.จำนวนมาก ศธจ.จึงเป็นหน่วยงานที่จะบูรณาการประสานขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษากับทุกหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นหากมีการยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 19/2560 จะส่งผลให้การขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ต้องหยุดชะงักลง ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย”นายณัทชัยกล่าวและว่า ทั้งนี้คณะปกป้อง ศธภ.และศธจ. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และเดินทางไปยื่นหนังสือถึง นายตวง อันธะไชย ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่รัฐสภาต่อไป
ด้านนายวีระ กล่าวว่า ตนจะนำเสนอเรื่องนี้ให้ รมว.ศธ.พิจารณา ซึ่งจากการรับฟังข้อมูลทาง ศธภ.และ ศธจ.อยากให้ศธ.ผลักดันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้เสร็จโดยเร็ว แต่มีข้อท้วงติงอยู่บ้างคือ กมธ.วิสามัญฯ ควรจะเร่งพิจารณา พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้เสร็จก่อน ส่วนโครงสร้างของ ศธ.นั้น ควรไปกำหนดในกฎหมายฉบับอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เพราะหากพิจารณาเรื่องอื่น ๆ ในช่วงนี้ อาจจะเกิดความขัดแย้ง และจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ สะดุดได้ อย่างไรก็ตามตนคิดว่า ศธภ.และศธจ.ยังมีความจำเป็น เพราะเป็นหน่วยงานที่บูรณาการงานหน่วยงานการศึกษาในระดับจังหวัด และตั้งแต่มี ศธจ.ก็ทำให้การทำงานระดับจังหวัดราบรื่นขึ้น