จากการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมสัมมนาแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กําหนดให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่ ศธ. มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีครูและบุคลากรทางการศึกษาประมาณ 9 แสนคน มียอดหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท ในจํานวนนี้เป็นหนี้ที่กู้ยืมจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 108 แห่งทั่วประเทศ รวม 8.9 แสนล้านบาท ซึ่งหลังจากกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เริ่มดําเนินโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 26,767 คน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ทั้งหมด 108 แห่งนั้น มีเพียง 13 แห่ง ที่กําหนด ดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราไม่เกิน 5% ต่อปี ขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอย่างน้อย 13 แห่งกําหนดดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง 7-9% ต่อปี สําหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีสมาชิก 8,478 ราย มูลหนี้รวม 9,631,331,007 บาท ได้กําหนดลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้อยู่ที่ประมาณ 5.5 % ซึ่งเป็นแนวทางสําคัญประการหนึ่งที่ทางสหกรณ์ฯ ได้ดําเนินการร่วมกันให้เป็นไปตามแนวทางที่กําหนด นอกเหนือไปจากที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการ พักชําระหนี้ในปีที่ผ่านมา โดยทราบว่า ภายในปี 2565 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์สุราษฎร์ธานี จะมีการลดดอกเบี้ยตามแผนขั้นบันไดให้เหลือดอกเบี้ยไม่เกิน 5%
“ที่ผ่านมาได้คัดเลือกสหกรณ์ที่มีความพร้อม เป็นสหกรณ์ต้นแบบ และจัดทําแผนและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรม กําหนดให้มี ”สถานีแก้หนี้” ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับจังหวัด โดยผู้อํานวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะต้องเข้มงวดในการพิจารณา อนุมัติการก่อหนี้ใหม่ของครู โดยเมื่อรวมยอดหนี้แล้วต้องมีเงินเหลือให้ คุณครูได้ใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 30% ของรายได้ ทั้งนี้ ในวันที่ 9 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมทางไกลของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูระดับจังหวัด ผ่าน ZOOM MEETING และ FACEBOOK ศธ. 360 องศา เพื่อสร้างความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” น.ส.ตรีนุช กล่าว