น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา นางคยองซัน คิม ผู้แทนยูนิเซฟประจำประเทศไทย (UNICEF Representative to Thailand) ได้มาหารือถึงแนวทางการพัฒนาการศึกษาในยุคหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 รวมถึง การจัดทำ Country Programme Document ค.ศ. 2022 – 2026 หรือ พ.ศ.2565 – 2569 ซึ่งเป็นแผนงานความร่วมมือเป็นเอกสารที่รัฐบาลไทยและยูนิเซฟประเทศไทย จัดทำร่วมกันทุก 5 ปี เพื่อกำหนดแผนการทำงานของยูนิเซฟและประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญของแผนงานความร่วมมือ ประกอบด้วย การพัฒนาเด็กปฐมวัย ,การศึกษา ,การคุ้มครองเด็ก ,การเสริมสร้างความยืดหยุ่น และ นโยบายสังคม

“ ผู้แทนยูนิเซฟประจำประเทศไทย แจ้งว่าทางยูนิเซฟพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมความเข้มแข็งทางการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มเสี่ยงที่จะออกกลางคัน หรือ ไม่ได้เรียนหนังสือ การพัฒนาสูตรฐานสมรรถนะ การพัฒนาครู การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การสร้างให้เกิดความปลอดภัยในโรงเรียน และการขับเคลื่อนการศึกษาปฐมวัย รวมไปถึงการสร้างความมั่นใจว่าเด็กปฐมวัยพร้อมที่จะเรียนรู้เมื่อเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา พร้อมกันนี้ทางยูนิเซฟก็ชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการในการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง แม้ในภาวะวิกฤตโควิด-19 ตลอดจนเรื่องที่ดิฉันให้ความสำคัญกับการเปิดเรียนอย่างปลอดภัย โดยการจัดเตรียมวัคซีนให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่” รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า ตนได้ขอบคุณทางยูนิเซฟที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้ยูนิเซฟจะร่วมกับองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำ Country Programme Document ค.ศ. 2022 – 2026 หรือ แนวทางการดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ ใน 5 ปีข้างหน้าที่เป็นรูปธรรมต่อไป.

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments