“อัมพร”ย้ำเขตพื้นที่ฯขับเคลื่อนงานตามนโยบายแบบเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้เน้นย้ำให้เขตพื้นที่ฯ ขับเคลื่อนการทำงานตามนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) คือ การดึงเด็กตกหล่นเข้าสู่ระบบการศึกษาตามโครงการพาน้องกลับมาเรียน การสร้างโรงเรียนคุณภาพ ที่ต้องใช้โรงเรียนเครือข่ายและใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมถึงการพัฒนาครูเพื่อให้ครูมีทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะทางเทคโนโลยี และมีสมรรถนะในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning  นอกจากนี้ยังมีนโยบายปรับรูปแบบเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อให้นักเรียนรู้ถึงเหตุผล เข้าใจสถานการณ์ในอดีตและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในปัจจุบันอย่างไร และยังมีเรื่องของการจัดทำแพลตฟอร์มการศึกษาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการผลักดันศูนย์ MOE Safety Center เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักเรียน ความปลอดภัยในสถานศึกษา ด้วย

“งานเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ รมว.ศึกษาธิการ ต้องการขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ผมจึงเน้นย้ำกับ ผู้อำนวยการ สพท.ว่า เมื่อนโยบายเป็นเช่นนี้ แต่ละเขตพื้นที่ฯ ควรจะขับเคลื่อนอย่างไร  ซึ่งผมได้ให้แนวทางไว้ว่าการขับเคลื่อนงาน ไม่ควรเน้นที่ปริมาณ แต่ควรเน้นคุณภาพเป็นหลัก โดยอาจนำร่องในบางพื้นที่ก่อน และทำแผนการทำงานในปีถัดไปให้ชัดเจน นอกจากนี้เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศไม่ว่าจะเป็นครูหรือนักเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและหาวิธีการป้องกันปัญหาด้วย”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

ดร.อัมพร กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยทั่วไป สังกัด สพฐ.ประจำปี 2564 ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 1.7 แสนราย โดยมีตำแหน่งรองรับกว่า 6,000 คน นั้น ขณะนี้ สพฐ.เตรียมการจัดสอบเรียบร้อยแล้ว โดยจัดเตรียมมาตรการที่เข้มข้นป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  มีการตรวจATK หากพบผลเป็นบวกก็จะมีห้องสอบไว้ให้พิเศษ ส่วนผู้ที่มีอุณหภูมิสูงก็จะมีห้องแยกสอบอีกห้องหนึ่ง อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้เข้าสอบป้องกันตัวเอง ไม่ไปสถานที่เสี่ยงด้วย รวมถึงขอย้ำให้ผู้เข้าสอบอย่าหลงเชื่อคนที่อ้างว่า สามารถช่วยให้สอบได้ เพราะถือเป็นการโกหก หลอกลวง ต้มตุ๋น เนื่องจากไม่มีใครสามารถช่วยให้สอบได้นอกจากตัวผู้เข้าสอบเอง