“ตรีนุช” หารือที่ปรึกษาสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ถึงความร่วมมือการศึกษาไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้ความสำคัญกับสิทธิในการได้รับการศึกษา-เด็กทุกคนได้รับวัคซีนทั่วถึง
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยการหารือ ร่วมกับดร.ซก ซกกรัดทะยา (Dr. SOK SOKRETHYA) ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ทำหน้าที่ผู้แทนนายกรัฐมนตรี ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสที่มาเยือนประเทศไทย ว่า ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาชีวศึกษา ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการศึกษา ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานเงินเพื่อก่อสร้างวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ที่จังหวัดกำปงธม (Kampong Thom) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนและครูจากจังหวัดกำปงธม และจังหวัดกำปงสปือ (Kampong Speu) เพื่อมาศึกษาต่อที่ประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยที่จะตอบแทนไมตรีจิตของชาวกัมพูชา ด้วยการให้ของขวัญที่ยั่งยืนแก่ชาวกัมพูชา นั่นคือการศึกษา และยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตรที่ดีต่อกันของประชาชนทั้ง 2ประเทศ
รมว.ศึกษาธฺการ กล่าวต่อไปว่า ศธ. ให้ความสำคัญกับสิทธิในการได้รับการศึกษาของนักเรียนทุกคน โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเด็กไทยเท่านั้น เพราะสิทธิดังกล่าวถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งประเทศไทยได้ให้การรับรองตามกฎหมายผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ที่ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาของไทยได้ ซึ่งเดิมจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม นอกจากการดูแลด้านการศึกษาแล้ว ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ ศธ. ได้เฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่จะมีการฉีดให้ทั้งครูและนักเรียนอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงนักเรียนชาวกัมพูชาและนักเรียนต่างชาติอื่น ๆ ที่ศึกษาอยู่ในประเทศไทยด้วย
ดร.ซก ซกกรัดทะยา กล่าวว่า ขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ให้การดูแลนักเรียนชาวกัมพูชาที่ศึกษาอยู่ในประเทศไทย ทั้งแบบประจำ และไป-กลับ เป็นอย่างดีทั้งด้านคุณภาพการศึกษาและสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมทั้งพูดคุยถึงแนวทางความเป็นไปได้ที่จะแสวงหาความร่วมมือผ่านโครงการด้านการศึกษาระหว่างไทย-กัมพูชาในอนาคต