เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564  ที่กระทรวงศึกษาธิการ  ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ แถลงข่าวก้าวสู่ปีที่ 3 ครูกัลยา  เติม ต่อยอด ยั่งยืน  โดยก่อนแถลงข่าว ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดี และชื่นชมการทำงานของคุณหญิงกัลยา พร้อมให้นโยบายเดินหน้ามุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษาวิถีใหม่ ว่า  เมื่อได้มาทำงานร่วมกับคุณหญิงกัลยา ทำให้ได้เห็นว่าท่านได้ประยุกต์ความถนัด ที่ท่านมีเข้ากับงานที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลจนเกิดเป็นจุดเด่น อย่างน้อยที่สุดใน 2 ปีที่ผ่านมาได้ทำให้เห็น 4 ประการ  คือ 1. การทำเรื่องโค้ดดิ้งซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย ซึ่งคุณหญิงสามารถผลักดันให้ไปอยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาได้เป็นผลสำเร็จครั้งแรกของประเทศไทย และสามารถจัดตั้งเป็นคณะกรรมการระดับชาติได้  2.การประยุกต์สิ่งที่ท่านถนัดและสนใจ คือ การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  3.การพลิกฟื้นคืนชีวิตความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โดยผ่านสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงประชาชนและเด็กนักเรียนได้มากขึ้น  และ 4.การพัฒนาอาชีวะเกษตร โดยนำเรื่องอาชีวะกับเรื่องน้ำไปต่อยอด เกิดเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริซึ่งขับเคลื่อนผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) จนเกิดหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำฯ  หรือ “ชลกร” รุ่นที่ 1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและหลักสูตรแรกในประเทศไทย

“ทั้ง 4 เรื่องนี้คุณหญิงทำได้ในระยะเวลา 2 ปี อะไรที่จำเป็นต้องใช้ความรู้ท่านก็นำความรู้ที่มีใส่ลงไป อะไรที่ต้องใช้ทุนรอนท่านก็ไปหาจากที่ต่าง ๆ มาใส่ลงไป อะไรที่หาทุนรอนยากลำบากท่านก็ควักของตัวเองใส่ลงไป จนทำให้เรื่องนั้น ๆ ดังขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเรื่องโค้ดดิ้งซึ่งท่านต้องการให้ทุกคนมีความรู้เรื่องนี้ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยและประชาชนทุกคน นอกจากนี้ท่านยังได้นำโค้ดดิ้งไปกับกับเรื่องอื่น ๆ ที่ท่านสนใจทั้งการสอนประวัติศาสตร์  อาชีวะเกษตร การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยโค้ดดิ้งหากทำดี ๆ ต่อไปจะเป็นหน้าเป็นตาของกระทรวงศึกษาธิการ ของรัฐบาล และของประเทศไทยได้”ดร.วิษณุกล่าว

ด้าน ดร.คุณหญิงกัลยา  กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายในปีที่ผ่านมานับว่ามีความสำเร็จและมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แม้จะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม ดังนั้นการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาภายใต้การกำกับดูแลของตนเองในปีที่ 3 นับจากนี้ จะยังมุ่งขับเคลื่อนนโยบาย และเร่งเดินหน้ารวมถึงต่อยอดใน 7 โครงการสำคัญ (Quick Win 7+) ต่อเนื่อง เพื่อสร้างนักเรียนคุณภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย 1.โครงการ Coding For All  คนไทยต้องได้เรียน Coding กระทรวงศึกษาธิการจะสร้าง Coding Community ขยายผล ขับเคลื่อน ทุกภาคส่วน เพื่อกระจายการเรียนรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย 2.โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ขยายผลสู่ชุมชน สร้างความมั่นคงทางการเกษตร โดยปัจจุบันได้เปิดสอนหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 แล้ว เพื่อปั้นนักบริหารจัดการน้ำในชุมชน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือ การช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีน้ำกิน น้ำใช้ แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยเชื่อว่าอาชีวะเกษตรจะสร้างชาติ ด้วยชลกรที่จะเข้ามาเปลี่ยนประเทศไทย

3.โครงการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์แนวสร้างสรรค์ ผ่านสื่อร่วมสมัย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย การอ่าน การเขียน เรียนประวัติศาสตร์ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยจะเพิ่มปฏิสัมพันธ์เชิงวิพากษ์ ขยายผลการใช้สื่อสู่ห้องเรียนในรูปแบบหลายหลายช่องทาง ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การขยายบน Facebook, Youtube, Page Website, OBEC Center เป็นต้น

4.โครงการสร้างมิติใหม่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ผสานศาสตร์และศิลป์ เปลี่ยน STEM เป็น STEAM  วิทยาศาสตร์พลังสิบ ลด ความเหลื่อมล้ำ สร้าง Citizen science ให้เกิดขึ้น เป็นการขยายโอกาสให้นักเรียนได้เรียนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างกว้างขวาง โดยจะเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติ ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน

5.โครงการการศึกษาที่เท่าเทียม สร้างโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสและพิการ พัฒนาทักษะชีวิตผ่านการเรียนรู้ การศึกษาไทยจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส ผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลายและมีคุณภาพ เน้นการปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันและภูมิปัญญาเฉพาะถิ่นในสังคมชุมชนนั้น ๆ จนสามารถนำไปประกอบอาชีพเพื่อดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะอยู่บนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม เกษตรกรรม (STIA)

6.โครงการอาชีวะฐานวิทย์ สร้างวิชาชีพคนไทยรุ่นใหม่ ป้อนคนสู่ภาคอุตสาหกรรม ตอบรับโลกดิจิทัล     เป็นการพลิกโฉมการเรียนอาชีวศึกษาแนวใหม่ด้วยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ สร้างเด็กสายอาชีพให้กลายเป็นนวัตกร ยกระดับการเรียนในสายอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัล

และ 7.โครงการยกระดับการศึกษารอบด้าน เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ปรับการประเมินผล เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบที่เหมาะในศตวรรษที่ 21 และสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้มีการปฏิรูปทั้งตัวผู้สอนคือครู และรูปแบบการเรียนการสอน

 

 

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments