ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาภาครัฐและเอกชน ทั้งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นอนุบาล ถึง ม.6 และอาชีวศึกษา จำนวนประมาณ 11 ล้านคน คนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 22,000 ล้านบาท นั้น ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานต้นสังกัดต่าง ๆ ที่มีสถานศึกษาในสังกัดได้เตรียมการเพื่อกระจายเงินให้ถึงมือเด็กอย่างรวดเร็วทันทีที่กระทรวงการคลังโอนเงินมาถึงกระทรวงศึกษาธิการภายใน 7 วัน โดยมีทั้งการโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ปกครองหรือเด็กโดยตรง หรือ จ่ายเป็นเงินสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดขณะนี้ได้เกิดปัญหาที่อาจทำให้การกระจายเงินไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากมีหนังสือจากกระทรวงการคลัง ที่ กค 0402.2/ว122 เรื่องหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินจากคลังตามโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ระบุให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการ เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันหนึ่งบัญชีกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือ ธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง ชื่อบัญชี “ชื่อหน่วยงาน(เงินกู้ตาม พ.ร.ก.COVID-19 2564) กรณีเจ้าของโครงการเป็นส่วนราชการให้เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทย และให้เปิดใช้บริการด้านการโอนเงินกับธนาคารกรุงไทย ผ่านระบบ KTB Corporate Online เพื่อรับเงินที่ขอเบิกจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง ขณะที่ในการจ่ายเงินก็ให้จ่ายผ่านระบบ KTB Corporate Online เข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิรับเงิน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินดังกล่าวถือเป็นการสร้างเงื่อนไข ว่าต้องโอนผ่านบัญชีเท่านั้น และมีกระแสข่าวว่าต้องเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทยด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะส่งผลให้การกระจายเงินอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการซึ่งตั้งเป้าว่าจะกระจายเงินให้ถึงมือเด็กภายใน 7 วันหลังจากกระทรวงการคลังโอนเงินมาให้ เนื่องจากจำนวนนักเรียน นักศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีกว่า 9.79 ล้านคน เป็นวงเงินกว่า 19,580 ล้านบาท อย่างไรก็ตามข้อมูลเบื้องต้นนักเรียน นักศึกษา มีบัญชีธนาคารกรุงไทยไม่ถึง 30% ขณะเดียวกันยังมีเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่มีบัญชีกับธนาคารใด ๆ เลยอีกจำนวนไม่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ทราบว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้รับทราบถึงปัญหานี้แล้วและมอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาแก้ปัญหานี้แล้ว