เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ รักษาราชการแทน รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายแผนบูรณาการการศึกษาจังหวัดทั่วประเทศ ให้แก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ศึกษาธิการภาค/จังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทุกจังหวัด เพื่อได้รับทราบนโยบาย และเสนอแนะแนวทางที่ควรดำเนินการตามนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสทางการศึกษา โดย คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินการจัดทำแผนบูรณาการจัดการศึกษาจังหวัดอย่างมาก ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.ศึกษาธิการ พร้อมเดินหน้า ขับเคลื่อน สานต่อนโยบายบูรณาการด้านการศึกษาให้มีความต่อเนื่อง โดยเร่งรัดทำให้เห็นเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้คัดเลือกโรงเรียนจำนวนทั้งสิ้น 349 โรง ประกอบด้วย โรงเรียนคุณภาพของชุมชน 183 โรง โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง 77 โรง และโรงเรียน Stand Alone 89 โรง เพื่อเสนอของบประมาณในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาในปีงบประมาณ 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเพื่อให้เห็นผลการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2564 ทั้งเรื่องการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพครูผู้สอน การจัดหาสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ที่ไม่ใช่เรื่องของการพัฒนาเชิงกายภาพอย่างการสร้างอาคาร ตนได้สั่งการให้ทั้ง 349 โรงเรียนเขียนโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษามา 1 โครงการภายในสัปดาห์หน้า โดยจะมีงบฯสนับสนุนให้โรงเรียนละไม่เกิน 400,000 บาท ขณะเดียวกันจะมีการคัดเลือกโรงเรียนที่จะนำร่องยกระดับคุณภาพการศึกษาที่สามารถเป็นต้นแบบของโรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง และโรงเรียน Stand Alone ประเภทละ 1 โรงใน 5 ภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 15 โรง ซึ่งจะได้รับงบฯสนับสนุนมากกว่า 400,000 บาท
“ทุกโรงเรียนจะต้องกลับไปคิดวิเคราะห์ให้ตกผลึกมา 1 โครงการว่าจะทำอะไร โดยมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ที่ทำไม่ใช่สร้างกายภาพ แต่เป็นการเพิ่มคุณภาพการศึกษา เช่น ลงทุน 2 แสนแล้วเด็กจะเก่งภาษาอังกฤษ หรือ ลงทุน 3 แสนแล้วมีห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่ดี ซึ่งจะมีกรรมการพิจารณาว่าสิ่งที่เสนอมาสมเหตุสมผลหรือไม่ จึงจะอนุมัติให้ทำ เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกโรงเรียนที่เสนอโครงการมาแล้วจะได้รับอนุมัติทั้งหมด”รักษาราชการแทน รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่า รมว.ศึกษาธิการคนใหม่อาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ทำ ตนไม่คิดว่าใครก็ตามที่มาเป็นรัฐมนตรีจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องคุณภาพการศึกษา เพราะคุณภาพอยู่ในใจของทุกคน อยู่ที่ว่าจะทำเมื่อไหร่ ทำได้แค่ไหน และการรักษาการหากทำอะไรได้ก็ต้องทำ ไม่นิ่งดูดาย ซึ่งสิ่งทำก็ไม่ได้คิดอะไรใหม่ เป็นโครงการที่มีอยู่แล้วและเป็นโครงการที่ดีเราก็เร่งขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมเพื่อความมั่นใจของนักเรียน ผู้ปกครอง ต่อกระทรวงศึกษาธิการ ยิ่งทำมากยิ่งดี